เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ นายสมชัย ศรีสุทธิยากรอดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. (ฉบับที่…) พ.ศ. … ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสว่าจะอาจจะมีการล็อบบี้ให้ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะ กมธ. เป็นประธาน ว่า ปกติแล้วเวลาเลือกประธาน จะใช้เสียงข้างมาก ในการโหวตเลือกประธาน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคนของรัฐบาล เนื่องจากสัดส่วนของทางรัฐบาลที่เข้ามานั่งใน กมธ. มีจำนวนมากกว่า ซึ่งก็แล้วแต่ว่า ทางรัฐบาลอยากให้ใครเป็นรัฐบาลเท่านั้นเอง ไม่ต้องล็อบบี้ หากเขาตกลงกันว่า จะให้คนๆ นี้เป็นประธาน โหวตอย่างไร เขาก็ชนะ เราไม่มีทางไปชนะเขาได้
เมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะกลับไปใช้ระบบบัตรเลือกตั้งใบเดียว นายสมชัยกล่าวว่า หากมองจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ปัจจุบัน หากจะกลับไปใช้บัตรใบเดียวได้ก็จะต้องมีการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่เข้ามาอีกรอบ ซึ่งก็น่าจะเป็นไปยาก ยกเว้นในขั้นของการพิจารณากฎหมายลูกจะหาทางออกไม่ได้ จนกระทั่งกฎหมายลูกไม่ผ่านการลงมติในวาระ 2-3 หรืออาจจะผ่านการลงมติในวาระ 3 ไปแล้ว แต่ส่งศาลรัฐธรรมนูญไปแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า กฎหมายลูกขัดต่อรัฐธรรมนูญ หากชี้เช่นนี้ หมายความว่า เราไม่สามารถที่จะเดินหน้าต่อได้ ภายใต้รัฐธรรมนูญในรูปแบบ เพียงแค่แก้ 3 มาตราได้ คือ มาตรา 83 มาตรา 86 และมาตรา 91 แต่มาตราที่ไม่แก้ คือ มาตรา 90 มาตรา 93 และ มาตรา 94 ซึ่งเกี่ยวข้องกับบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ โดย 3 มาตรา ดังกล่าวเขียนไว้ในกรณีที่เป็นบัตรใบเดียว ทั้งนี้ ยังมีส่วนที่ขัดกันอยู่
นายสมชัยกล่าวต่อว่า ฉะนั้น หากไม่สามารถเขียนกฎหมายลูกให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญที่ยังไม่แก้ได้ก็เท่ากับว่ากฎหมายลูกจะตกไป ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลว่าจะหาทางแก้ไขอย่างไร เช่น อาจจะเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้ามาใหม่ โดยอาจจะเสนอแก้ให้ครบทุกมาตรา หรือเสนอแก้รัฐธรรมนูญเข้ามาใหม่ โดยเป็นระบบบัตรเลือกตั้งใบเดียวตามเดิม ส่วนจะมีสามารถเจรจาในชั้นกมธ.ได้หรือไม่นั้น ไม่สามารถทำได้ เนื่องจาก กมธ.ต้องเดินหน้าบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เพียงแต่ว่า จะออกแบบกฎหมายลูกในขั้นของการแปรญัตติให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแบบที่ยังไม่ได้แก้อีก 3 มาตราอย่างไร