วันที่ 11 ธ.ค.65 นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล เสนอผลสำรวจ เรื่อง เปิดใจคนไทย อนาคตการเมือง กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ผ่านกระบวนการวิจัยเชิงทดลอง(Experimental Survey) เพื่อลดความคลาดเคลื่อนแก้ปัญหาแหล่งความคลาดเคลื่อนจากผู้ถามผู้ตอบและเครื่องมือวัด จำนวน 1,028
Dangerous food combinations you must avoid
A ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 7 – 10 ธ.ค.2565 ที่ผ่านมา โดยมีค่าความคลาดเคลื่อนจากการกำหนดขนาดตัวอย่างบวกลบร้อยละ 5 ในช่วงความเชื่อมั่นร้อยละ 95 เมื่อถามถึงความต้องการเร่งด่วนของประชาชนต่อรัฐบาลอนาคต หลังการเลือกตั้ง พบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ 70.4 ต้องการให้แก้ปัญหาปากท้อง เรื่อง รายได้ อาชีพ ร้อยละ 62.1 ต้องการให้แก้ปัญหาสุขภาพ ค่าใช้จ่ายน้อย เข้าถึงง่าย อยู่ใกล้ สะดวก ร้อยละ 61.8 ต้องการให้แก้ปัญหาหนี้สิน พักหนี้ ปลดหนี้ ร้อยละ 48.9 ต้องการให้แก้ปัญหาพลังงาน ราคาแพง เช่น ไฟฟ้า น้ำมัน และร้อยละ 43.1 ต้องการให้แก้ปัญหามลพิษ โลกร้อน ใช้พลังงานสะอาด
ที่น่าสนใจคือ เมื่อถามถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่ประชาชนเชื่อมั่นช่วยแก้ปัญหาปากท้อง รายได้ และปัญหาหนี้สินของประชาชนได้ พบว่า เกินครึ่งหรือร้อยละ 50.7 เชื่อมั่นนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รองลงมาคือร้อยละ 47.2 เชื่อมั่นน.ส.แพทองธาร ชินวัตร พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 46.4 เชื่อมั่นนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 19.8 เชื่อมั่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และร้อยละ 17.6 เชื่อมั่น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พรรคก้าวไกล ตามลำดับ
ที่น่าพิจารณาคือ อะไรที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกตั้ง ผลสำรวจพบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 59.8 ระบุปัญหาเดือดร้อนที่กำลังเจอเป็นอะไรที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกตั้ง รองลงมาคือ ร้อยละ 56.9 ระบุ พรรคการเมืองเป็นอะไรที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกตั้ง ร้อยละ 52.0 ระบุ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรคการเมือง ร้อยละ 51.8 ระบุ นโยบายพรรคการเมืองที่บอกประชาชน และร้อยละ 46.7 ระบุผู้สมัครรับเลือกตั้ง ตามลำดับที่น่าสนใจคือ
เมื่อถามถึงผู้นำพรรคการเมืองที่มีโอกาสเป็นรัฐบาลและทำได้จริงตามที่พูด พบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ 47.8 ระบุ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นผู้นำพรรคการเมืองที่มีโอกาสเป็นรัฐบาลและทำได้จริงตามที่พูด รองลงมาคือร้อยละ 44.9 ระบุ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 44.4 ระบุ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในขณะที่ร้อยละ 17.2 ระบุ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และร้อยละ14.5 ระบุเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ตามลำดับ
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลโพลเปิดใจคนไทย อนาคตการเมืองชิ้นนี้ชี้ให้เห็นว่า ปัญหาเดือดร้อนที่ประชาชนกำลังเจอจะเป็นอะไรที่ประชาชนส่วนใหญ่ใช้ตัดสินใจเลือกตั้งโดยพบว่า ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง รายได้ ค่าครองชีพ อาชีพ การแก้ปัญหาสุขภาพ ค่าใช้จ่ายน้อย เข้าถึงบริการสุขภาพที่ดีได้ง่าย อยู่ใกล้และสะดวกรวดเร็ว นอกจากนี้ ปัญหาหนี้สิน พักหนี้ ปลดหนี้ เป็นความต้องการสำคัญอันดับต้น ๆ ของประชาชนในโพล
ที่น่าสนใจคือ ความเชื่อมั่นต่อ นายอนุทิน ชาญวีรกูล
หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย สูงขึ้นเป็นอันดับหนึ่งนำหน้าไล่เรียงรอง ๆ ลงไปคือ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร แกนนำพรรคเพื่อไทย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มีสัดส่วนฐานสนับสนุนสูงทิ้งห่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ถูกทิ้งห่างอย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้ เมื่อถามถึงผู้นำพรรคการเมืองที่มีโอกาสจะเป็นรัฐบาลและทำได้จริงตามที่พูด พบว่า อันดับแรกได้แก่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รองลงไปคือน.ส.แพทองธาร ชินวัตร พรรคเพื่อไทย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มีสัดส่วนฐานสนับสนุนทิ้งห่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ถูกทิ้งห่างอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวต่อว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีคะแนนนิยมลดลง ตกไปอยู่อันดับท้าย ๆ ของตารางผลสำรวจครั้งนี้น่าจะมาจากปัจจัยสำคัญคือ ความเดือดร้อนทุกข์ยากของประชาชนเรื่องปัญหาปากท้อง รายได้ ค่าครองชีพ อาชีพการงาน ที่รัฐบาลชุดปัจจุบันนี้อาจจะมีจุดอ่อนด้านทีมเศรษฐกิจ และปัญหาขัดแย้งแยกทางกันเดินระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทำให้แฟนคลับผิดหวังพลังสนับสนุนอ่อนลงบวกกับภาพลักษณ์ของแกนนำพรรคพลังประชารัฐและกระแสต่อต้าน ของคนไทยที่แรงต่อทุนจีนสีเทากับอดีตรัฐมนตรีที่ประชาชนเกิดความเคลือบแคลงสงสัยเพราะความไม่ชัดเจนและความไม่เข้มแข็งเพียงพอของ 3 ป.ปล่อยปละละเลยไม่สะสางปัญหาที่กระทบต่อความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนในห้วงเวลาที่ยาวนาน
ผลที่ตามมาคือ ประชาชนส่วนใหญ่กำลังมองหาผู้นำประเทศคนใหม่ที่เป็นความหวังและเชื่อมั่นในการแก้ปัญหาปากท้องและอื่นๆ ที่สำคัญต่อชีวิตของประชาชนแทนคนเดิมที่อยู่มาช้านาน ก็เป็นไปได้