แจงผลงาน “บิ๊กป้อม” กวาดล้าง มาเฟีย อิทธิพล จับอาวุธสงคราม ยึดปืน กว่า2 หมื่นกระบอก ยาเสพติด กว่า10ล้านเม็ด สั่งเร่งกวาดล้าง บังคับค้าประเวณีเด็กทั่วประเทศ เข้มใช้กฎหมาย จัดการกลุ่มอิทธิพลและเครือข่าย
พลตรี คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกลาโหม เปิดเผยว่า พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กวาดล้างการบังคับค้าประเวณีเด็กในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
โดยให้ติดตามและประสานกับกระทรวงพัฒนาความมั่นคงของมนุษย์คุ้มครองและเยียวยาแก่เด็กที่ตกเป็นเหยื่อ ควบคู่กันไปอย่างใกล้ชิด
พร้อมทั้งให้สืบขยายผลเชื่อมโยงไปถึงกระบวนการค้ามนุษย์ที่อยู่เบื้องหลังและดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด
ขณะเดียวกัน พลเอก ประวิตร ได้กำชับและเน้นย้ำให้ฝ่ายความมั่นคง ทั้งทหารตำรวจและฝ่ายปกครองคงความร่วมมือกันอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง ในการบังคับใช้กฎหมายปราบปรามผู้มีอิทธิพล
พร้อมทั้งจับตา ติดตามและขยายผล งานข่าวลงลึกไปถึงเครือข่ายความเชื่อมโยงที่เกี่ยวข้องกับทั้ง16 ฐานความผิด
โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นเหตุของปัญหาของการบั่นทอนเสถียรภาพและสร้างความรุนแรงในสังคม การข่มขู่ คุกคามจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน
ทั้ง การค้ายาเสพติด การลักลอบค้าอาวุธสงคราม มือปืนรับจ้างและการรับจ้างทวงหนี้โดยการข่มขู่ใช้กำลัง
รวมถึงกลุ่มที่เป็นสาเหตุของปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการค้ามนุษย์ ที่มีการล่อลวงแรงงานไปยังต่างประเทศ การลักลอบนำคนเข้า-ออกประเทศโดยผิดกฎหมาย และการลักลอบค้าประเวณี เป็นต้น
พลตรี คงชีพ กล่าวว่า ผลการดำเนินงานล่าสุดตั้งแต่ ต.ค.59 ถึงปัจจุบัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครองและ ได้ร่วมกันสืบค้น จับกุมและยึดอาวุธปืนทั่วประเทศได้จำนวนเกือบ 20,000 กระบอก
ร่วมกับหน่วยงานปปส.จับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดรายใหญ่ที่เชื่อมโยงทั้งในและนอกประเทศอย่างต่อเนื่องกว่า 10 ล้านเม็ดและกำลังขยายผลไปถึงขบวนการฟอกเงินที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งสืบสวนจับกุมผู้มีอิทธิพลฐานความผิดอื่นๆ เช่น ขบวนการอาชญากรข้ามชาติที่เชื่อมโยงการสนับสนุนจากกลุ่มบุคคลในประเทศ ดังที่ปรากฏเป็นข่าวอย่างต่อเนื่อง
ขอยืนยันว่า รัฐบาลโดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ยังคงความพยายามหลักร่วมกันอย่างเต็มที่ ในการดูแลสภาพแวดล้อมความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตของประชาชน ให้สามารถดำรงชีวิตและประกอบอาชีพได้อย่างปกติสุข บนพื้นฐานเสรีภาพและความเป็นธรรมที่เสมอภาคเท่าเทียมกันภายใต้กรอบกฎหมาย ควบคู่กับการเปิดพื้นที่ทางสังคมให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมแก้ปัญหาความมั่นคงในทุกมิติให้มากขึ้น
จึงขอความร่วมมือประชาชนทุกคน ได้ร่วมให้เบาะแสกับเจ้าหน้าที่รัฐ ถึงปัญหาที่อาจกระทบต่อความไม่มั่นคง ปลอดภัยของครอบครัวและสังคมรอบตัวจากกลุ่มอิทธิพลต่างๆ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการมีส่วนร่วมดูแลกันและกัน
ที่มาของข่าว fb wassana nanaum
Padeth k. สำนักข่าว vihok news รายงาน