เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม นายประมวล เอมเปีย รองหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีจากกรณีวาระดำรงตำแหน่ง 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าในเมื่อศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องและมีมติเป็นเอกฉันท์ 9 เสียง ส่วนให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ 5 ต่อ 4 เสียงนั้น แสดงให้เห็นว่า วาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์แสดงว่าคดีมีมูลที่จะต้องวินิจฉัย ในเรื่องนี้ทำให้มองว่าโอกาสที่ พล.อ.ประยุทธ์จะหลุดออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมีโอกาสสูงกว่า 80% ส่วนการให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เพราะเกรงว่าอาจจะเกิดความเสียหายต่อการปฏิบัติหน้าที่ในช่วงที่เป็นสุญญากาศ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อการบริหารบ้านเมืองก่อนที่จะมีคำพิพากษา
นายประมวลกล่าวว่า การที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้มานั่งตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรี คาดว่าจะนั่งตำแหน่งไปจนกว่าเกือบจะครบวาระ 24 มีนาคม 2566 และจะมีการยุบสภาช่วงต้นปี 2566 สาเหตุที่มองว่า พล.อ.ประวิตรจะรักษาการตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนานเนื่องจากหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ดำรงตำแหน่งครบ 8 ปีแล้ว ก็จะต้องมีการเลือกแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่ได้มีการเสนอรายชื่อไว้มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าอาจจะใช้วิธีเอาคนนอกมาเป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้ พล.อ.ประวิตรมีโอกาสกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากยังมีเสียง ส.ว.สนับสนุนอีก 250 เสียง
“ช่วงนี้อาจจะมีการปรับ ครม.ที่ว่าง 2 ตำแหน่ง จากการคุยกับเพื่อนๆ นักการเมืองด้วยกัน มีกระแสข่าวลือออกมาว่า จ.ชลบุรี จะได้รับผลกระทบต่อการปรับตำแหน่ง ครม.ในอนาคตด้วย เพราะว่าพรรคพลังประชารัฐได้ ส.ส.ในพื้นที่ชลบุรี 4-5 คนเท่านั้น แต่ได้เก้าอี้รัฐมนตรีไปครอง 2 ตำแหน่ง เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์อาจจะมีการปรับเปลี่ยนเก้าอี้ในส่วนของ จ.ชลบุรี ด้วยเพื่อเกลี่ยไปให้จังหวัดอื่นๆ ที่ได้ ส.ส.จำนวนมาก แต่ไม่มีที่นั่งรัฐมนตรี ที่สำคัญยังเป็นการเตรียมการเกี่ยวกับการเลือกตั้งในสมัยหน้าให้ได้ ส.ส.มากที่สุด นอกจากนี้ ยังเป็นห่วงในเรื่องของการแต่งตั้งไม่ว่าตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด รวมทั้งการโยกย้ายตำรวจ อาจจะเกิดการพลิกโผมากมาย เมื่อ พล.อ.ประวิตรมานั่งตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรี หรือนายกรัฐมนตรีในอนาคต คงต้องจับตาดู เพราะยังไม่ถึงวันที่ 30 กันยายน” นายประมวลกล่าว
Cr. มติชน