วันนี้ (26 ก.ค. 65) เวลา 10:00 น. คณะหลอมรวมประชาชน นำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (น.ป.ช.) และนาย นิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา เดินทางมายื่นหนังสือต่อตัวแทน จากสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ณ ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาลเพื่อทวงถามการแก้ไขปรับปรุงโครงสร้างราคาน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ และการแก้ไขพระราชบัญญัติปิโตรเลียม รวมถึงการขอให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีและกระทรวงมหาดไทย เรื่องการถือครองถิ่นที่อยู่ในประเทศของชาวต่างชาติ
นายไทกร พลสุวรรณ ตัวแทนจากกลุ่มคณะหลอมรวมประชาชนได้อ่านแถลงการณ์บริเวณด้านหน้าศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล เรียกร้องว่า ตามที่ประเทศไทยต้องมาก่อน คณะหลอมรวมประชาชน ได้ยื่นข้อเรียกร้อง 9 ข้อ และมีการ ทวงถามแล้ว 2 ครั้ง บัดนี้ยังมิได้มีการดำเนินการใดๆ ให้บังเกิดผลตามข้อเรียกร้องทั้ง 9 ข้อ อย่าง สมบูรณ์ ทั้งยังมิได้ตอบหนังสือหรือชี้แจงเหตุผลที่ไม่ดำเนินการแต่อย่างใด ส่งผลให้วิกฤตราคาพลังงาน กระทบต่อการดำรงชีพของประชาชนอย่างต่อเนื่อง จึงขอให้ดำเนินการตามบทบัญญัติกฎหมาย
ประเทศไทยต้องมาก่อน คณะหลอมรวมประชาชน จึงเห็นว่า ต้องมีการแก้ไขบทบัญญัติ กฎหมายดังกล่าวทันที จาก “ปิโตรเลียมเป็นของรัฐ” แก้ไขเป็น “ปิโตรเลียมเป็นของรัฐและประชาชน ร่วมกัน” จากนั้นต้องแก้บทบัญญัติมาตราต่างๆ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกัน เพื่อรับรองและคุ้มครองสิทธิประชาชน ให้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ และส่วนร่วมในการบริหารกิจการพลังงานอย่างแท้จริง ตามกฎหมาย เหตุผลในการแก้ไข
นอกจากนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐบาลยังมิได้แก้ไขปัญหาวิกฤตพลังงานโดยเร่งด่วนแล้ว ยัง ปรากฏว่า ปัญหาความทุกข์ยากอื่นๆ ของประชาชน ก็ไม่ได้รับการสนองตอบเช่นเดียวกัน ในขณะที่สถานการณ์โลก และแรงกดดันทางการเมือง ทวีความซับซ้อนรุนแรงยิ่งขึ้น
ยิ่งสะท้อนถึงปัญหาการขาด “ความสามารถ” ของนายกรัฐมนตรี จนเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้การแก้ไขปัญหาไร้ประสิทธิภาพ ทั้งที่มี “อำนาจ” เต็มอยู่ในมือ รัฐบาลกลับมุ่งแต่เพียงการสื่อสารในมิติทางการเมืองเพื่อปกป้องตัวเอง อีกทั้ง ยังมีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้ชาวต่างชาติสามารถถือครองที่ดินเพื่ออยู่อาศัย เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2565 เห็นชอบร่างประกาศสํานักนายกรัฐมนตรีและกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กําหนดจํานวนคนต่างด้าวซึ่งจะมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร
ด้วยเหตุที่กล่าวข้างต้นจึงขอให้นายกรัฐมนตรีเร่งดำเนินการดังนี้
1. ยกเลิกราคาน้ำมัน และราคาก๊าซทุกประเภทที่อ้างอิงราคาจากประเทศสิงคโปร์ (ราคาสมมุติ)
2. ยกเลิกราคาก๊าซหุงต้มที่อ้างอิงราคาจากประเทศซาอุดิอาระเบีย (ราคาสมมุติ)
3. กำหนดเพดานราคาค่ากลั่นน้ำมัน และค่าการตลาด
4. เก็บภาษีลาภลอย (Windfall Tax) ของโรงกลั่น
5. จัดหาน้ำมัน ก๊าซ จากมิตรประเทศเพื่อแก้ไขวิกฤติพลังงานอย่างเร่งด่วน
6. แก้ไขพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2514
7. ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี เรื่องการประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี และกระทรวงมหาดไทย เรื่องกำหนดจำนวนคนต่างด้าวซึ่งจะมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร ประจำปี พ.ศ ..
ด้าน นายจตุพร กล่าวว่า รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตั้งแต่การเข้ายึดอำนาจในช่วงปี 2557 จนถึงปัจจุบันกว่า 8 ปีนั้น ได้ใช้งบประมาณไปกว่า 30 ล้านล้านบาท ซึ่งผลรับที่ประชาชนคนไทยได้รับ มันก็เป็นเครื่องตอบโจทย์ รวมถึงค่าดัชนีความเชื่อมั่นต่าง ๆ ในเรื่องการทุจริตคอรัปชั่นก็เป็นที่ปรากฏ แต่ขบวนการปราบโกงทั้งหลายนั้น ก็ยังคงอยู่ในมือของคณะยึดอำนาจเดิมทั้งสิ้น เป็นการตรวจสอบที่เหมือนไม่ได้มีการตรวจสอบ จับได้แค่รายเล็กรายน้อย แต่งบประมาณเผ่นดินกว่า 30 ล้านล้านบาท ผลลัพธ์ของประเทศในตอนนี้ ก็คือคำตอบว่ารัฐบาลรวมทุกรัฐบาลใช้งบประมาณรวมกันอย่างไม่เกินเท่ารัฐบาลชุดนี้
รวมถึงการวิจารณ์กรณีที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายก ฯ ยกมือในสภา หลัง พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายก ฯ ที่กล่าวว่า คนที่ก่อการรัฐประหารยึดอำนาจมีเพียงนายกรัฐมนตรีเท่านั้น ไว้ว่า เป็นการเตรียมแผน สมรู้ร่วมคิดกันมา เพราะนี่คือกลยุทธ์เล่ห์ เพทุบายทางการเมือง แสดงให้เห็นว่า ถ้าพลเอกประยุทธ์ ไปต่อไม่ได้ พลเอกประวิตร และพลเอกอนุพงศ์ ยังสามารถไปต่อได้ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนยึดอำนาจแค่คนเดียว
พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ไปถึงประชาชนว่าจะมีการตั้งเวทีเสวนาภาคประชาชนในวันที่ 31 ก.ค. นี้ ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา เพื่อชำแหละเกี่ยวกับเรื่องความทุกข์ร้อน ในรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รวมถึงวาระ 8 ปีของนายกฯ อีกด้วย
นายนิธิธร กล่าวว่า หากรัฐบาลยังคงนิ่งเฉย หรือไม่แก้กฎหมายเรื่องของ พรบ.ปิโตรเลียม หรือข้อเรียกร้องที่ยื่นไปนั้น ก็ถือว่าเป็นการเปิดคำท้ากับประชาชน พร้อมยืนยันว่า ประชาชนไม่เคยใช้ความรุนแรง มีเพียงแต่รัฐบาลเท่านั้น
รวมถึงเรื่องการแก้ไขปรับปรุงโครงสร้างราคาน้ำมัน การแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติปิโตเลียม อีกทั้งต้องไม่อยู่ภายใต้การนำของสหรัฐอเมริกา และขอให้สามารถนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปจากอิหร่าน และก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียได้ ในราคาที่ประเทศไทยไม่ต้องผลิต หรือกลั่น นำเข้าแบบสำเร็จรูปได้ อีกทั้งราคาน้ำมันจะขึ้นหรือลด นั้นก็เป็นอีกเรื่องนึง แต่ที่ต้องการมาเรียกร้องคือการให้แก้ไขปรับปรุงโครงสร้างพลังงานที่ทับซ้อนผลประโยชน์ให้แก่กลุ่มทุนบางแห่งเท่านั้น