เมื่อเวลา 02.00 น.ที่ ตชด.ภาค 1 อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.พรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า หลังตำรวจจ้บกุมตัว นางสาวภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ มายด์-มหานคร แกนนำคณะราษฎร ที่ร้านกาแฟ Let’s say Cafe ราชวิถี ซอย 3 ในเวลา 22.45 น.หลังจากยุติการชุมนุม ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ซึ่งมายด์ เป็นแกนนำในการยื่นจดหมายถึงนายกรัฐมนตรี และเป็นแกนนำในการประกาศยุติการชุมนุม
น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ มายด์ นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.เทคโนโลยีมหานคร แกนนำกลุ่มมหานครเพื่อประชาธิปไตย ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบจับกุม ซึ่งมายด์ได้สอบถามหมายจับ และขอใช้สิทธิรอทนายความ จนตำรวจควบคุมตัวขึ้นรถตำรวจ มีการแจ้งว่า จะพาไป สน.ลุมพินี แต่กลับพาตัวไปที่ ตชด.ภาค 1 ในทันที ทำให้ นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล และทนายความ ต้องไปรอเก้อ เพราะตำรวจแกง
หลังทำบันทึกจับกุม จากหมายจับในการชุมนุมฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉิน ที่แยกราชประสงค์เมื่อวันที่ 15 ต.ค.63 เช้าวันนี้ 10.00 น.จะมีการนำตัว มายด์ ไปฝากขังที่ศาลแขวงปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
ขณะที่พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคประชาชาติ พร้อมนางสาวเบญจา แสงจันทร์ ส.ส.พรรคก้าวไกล ได้เข้าไปเยี่ยมนางสาวภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือมายด์ โดยมี นางสาวชลธิชา แจ้งเร็ว แกนนำกลุ่มคณะราษฎร ที่อยู่ให้กำลังใจ
พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง กล่าวว่า การชุมนุมในวันนี้เป็นการชุมนุมที่สงบเรียบร้อยที่สุด ตามสิทธิเสรีภาพ หลังชุมนุมกันเสร็จจะช่วยกันเก็บขยะทำความสะอาดถนนบริเวณที่มีการชุมนุม ผู้ชุมนุมมีความรับผิดชอบซึ่งถือว่าเป็นความสวยงามมาก ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดูแลเป็นไปด้วยความเรียบร้อยแต่สิ่งที่ปรากฏหลังจากการชุมนุมคือรัฐบาลโดย พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่ให้อำนาจนายกรัฐมนตรี ได้เลือกใช้วิธีจับกุมแกนนำในเวลากลางคืน ซึ่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินนี้ออกโดยไม่ชอบด้วยกฏหมายและขัดต่อรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยว่าการชุมนุมของประชาชนที่ไม่พอใจการบริหารราชการของรัฐบาลถือว่าเป็นการชุมนุมโดยถูกกฎหมาย โดยได้เรียกร้องให้ลาออก หรือยุบสภา หรือแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นไปตามวิธีการตามรัฐธรรมนูญ แต่การที่นายกรัฐมนตรีใช้ช่องทางเจ้าหน้าที่รัฐใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเข้าไปจับกุมนั้น ถือว่านายกรัฐมนตรีทำผิดกฏหมายอาญา ซึ่งควรจะมีการฟ้องร้องดำเนินคดีทางอาญาด้วย แม้จะอ้างว่าไปขอหมายศาล แต่รัฐธรรมนูญฉบับช่วงหลังมานี้เขียนว่ารัฐบาลหรือเจ้าหน้าที่รัฐหรือศาลหรือองค์กรอิสระหรือรัฐสภาต้องปฏิบัติตามหลักนิติธรรม หมายถึงบุคคลทุกคนต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน หากคนจำนวนหมื่นคนหรือแสนคนมาชุมนุม ทุกคนก็จะต้องได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญอย่างเท่าเทียมกัน และหากจะดำเนินคดีก็มีกลุ่มผู้ชุมนุมอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยรวมตัวชุมนุม ถือเป็นการกระทำผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินเช่นกัน หากจะถูกจับกุมก็ต้องถูกจับกุมเหมือนกัน แต่รัฐบาลเลือกจะจับกุมแกนนำเครื่องจะกดไม่ให้ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยจึงเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เพราะการเลือกปฏิบัติจะนำไปสู่ความขัดแย้ง
พันตำรวจเอก ทวี กล่าวอีกว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังจะใช้ช่องทางรัฐสภา ซึ่งปัญหาไม่ได้อยู่ที่รัฐสภา แต่อยู่ที่การบริหารของพลเอกประยุทธ์ คือเข้ามาเพื่อทำลายล้างประชาชนกลุ่มหนึ่งที่ต้องให้มีความคิดเหมือนตน หรือต้องให้อยู่ใต้อำนาจ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง และการบริหารมักจะส่งเสริมสนับสนุนทุนนิยม ไม่ดูแลประชาชน ประชาชนจึงออกมาลุกขึ้นสู้รัฐบาล เช่นการจับกุมตัวในเวลากลางคืน แล้วนำมาควบคุมตัวในที่ที่ห่างไกล จากจุดจับกุมกว่าร้อยกิโลเมตร เป็นการกระทำที่กดประชาชน จึงขอเรียกร้องว่าความยุติธรรมต้องนำการเมือง จึงขอเรียนไปยังผู้บังคับใช้กฎหมายว่า ให้บังคับใช้กฎหมายตามหลักนิติธรรม โดยต้องรู้ศักดิ์ของกฎหมาย การยึดคำสั่งของพลเอกประยุทธ์สูงสุดกว่ารัฐธรรมนูญ จะทำให้พลเอกประยุทธ์เป็นรัฐธรรมนูญเสียเอง เรื่องนี้น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง
#TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #มายด์ #คณะราษฎร