เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2567 พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก ระบุว่า กลยุทธ์ของซุ่นวู กับ พรรคการเมือง
ตำราพิชัยสงครามของซุ่นวู มีการนำมาสอนกันใน ร.ร.เสนาธิการทหารของทุกเหล่าทัพ และยังใช้กันอย่างกว้างขวางในแวดวงธุรกิจ ปัจจุบันทางการเมืองก็นำมาประยุกต์ใช้เช่นกัน
การเคลื่อนไหวนำทัพในสงครามนั้น ซุ่นวู บอกไว้ว่า “ ต้องรวดเร็วดุดันดุจสายลม “
การยื่นหนังสือของ 40 สว.กรณีคุณเศรษฐานั้น ก็รวดเร็วดุดัน ขนาดไม่รอ สว. อีกหลายสิบคนที่อยากมาร่วมลงชื่อด้วย ในขณะที่ สว.หลายคนเพิ่งกลับจากดูงานก็รีบเดินทางจากสนามบิน มาลงชื่อก่อนเข้าบ้าน
ผลของความรวดเร็วและดุดันนั้น ทำให้ทัพฝ่ายรัฐบาลแก้เกมไม่ทัน ต้องวิ่งมาใช้บริการของคุณวิษณุ แบบที่เล่าปี่ วิ่งมาหาขงเบ้งเลยทีเดียว
ส่วนกรณี คดี ม.112 ของคุณทักษิณนั้น ฝ่ายเสธ. ของคุณทักษิณ ซึ่งใช้กลยุทธ “ส่งเสียงบูรพา ฝ่าตีประจิม” มาตลอด เช่น แกล้งทำเป็นโจมตีก้าวไกล แต่ที่จริงกดดันไปที่พรรคร่วมรัฐบาลพรรคหนึ่ง นอกจากนั้นยังใช้กลยุทธ “ข้าศึกเยือกเย็น พึงยั่วให้ขาดสติ”อีก ซึ่งก็ได้ผลมาตลอด ครั้งนี้ก็ใช้อีก โดยการยื่นเรื่องติดโควิดต่ออัยการ แต่ทางอัยการ คราวนี้ไม่หลงทาง ได้ใช้กลยุทธ “ เข้าโจมตีด้วยความรวดเร็ว และ ดุดัน” คุณทักษิณ จึงต้องถอยทัพชั่วคราว ตามที่ทราบกันอยู่แล้ว
พรรคก้าวไกลเอง ก็น่าจะพึ่งพากลยุทธความรวดเร็วและดุดัน เช่นกัน ทำให้ผู้นำ องค์กรเล็กๆใน สถาบันพระปกเกล้าฯ ซึ่งเคยมีบทบาทในแนวทางเดียวกับพรรคก้าวไกลมาก่อน ได้ออกมาทำโพลอย่างไม่ปี่มีขลุ่ย ว่า พรรคก้าวไกลมีคะแนนนิยมอยู่ในลำดับที่ 1 ซึ่งน่าจะหวังผลให้ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้รับทราบข่าวนี้ ตามไปด้วย
แต่จะได้ผลหรือไม่ ก็ไม่มีใครรู้ได้ เพราะ “ศาลก็ใช้กลยุทธ เช่นกัน
คือ “หยุดทัพนิ่งดุจใบไม้ในป่า” ไม่หวั่นไหว ต่อสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง 5555