บริษัท SZ DJI Technology Co.,LTD ผู้ผลิตโดรนสัญชาติจีนยักษ์ใหญ่ กำลังเร่งเพิ่มการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลของโดรน หลังจากกองทัพสหรัฐฯ สั่งให้เจ้าหน้าที่หยุดใช้โดรนของ DJI ด้วยเหตุผลเรื่อง”ช่องโหว่ด้านไซเบอร์” ” เจ้าหน้าที่ของบริษัท กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม China Xinhua News รายงานว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของบริษัทได้แถลงว่า บริษัทสาขาในเซินเจิ้นกำลังเร่งดำเนินการติดตั้งระบบที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถยกเลิกการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ในระหว่างทำการบินที่ทำให้โดรนไม่สามารถบันทึก สมุดบันทึกการบิน (Flight Log) ภาพถ่าย หรือวิดีโอไปยังเซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์ของ DJI ได้
พร้อมกล่าวว่าบริษัทได้ดำเนินงานด้านมาตรการด้านความปลอดภัยมาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว แต่จะนำออกมาใช้เร็วกว่าที่กำหนด เนื่องจากมีบันทึกประจำหน่วยทหารที่ห้ามไม่ให้สมาชิกใช้บริการ โดรนของ DJI เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ซึ่งทาง DJI แจ้งว่า ยังไม่ได้มีการสื่อสารกับกองทัพเกี่ยวกับปัญหานี้แต่อย่างใด
DJI กล่าวว่านักบินโดรนบางคนเลือกที่จะแชร์ภาพและวิดีโอกับ DJI ซึ่งทำให้ภาพเหล่านี้สามารถมองเห็นได้จากเว็บไซต์ SkyPixel แต่ก็มีหลายธุรกิจและลูกค้าที่เป็นหน่วยงานรัฐบาลที่มีความกังวลเกี่ยวกับวิดีโอและภาพที่เป็นประเด็นอ่อนไหว เช่น ไฟล์วิดีโอต้นฉบับของภาพยนตร์ ภาพโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เป็นต้น และต้องการความมั่นใจว่าข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกส่งไปยังระบบของ DJI
ซึ่งในเรื่องนี้DJIกล่าวว่าทางบริษัทจะไม่สามารถเก็บภาพวิดีโอหรือสมุดบันทึกการบินของผู้ใช้ หากพวกไม่ได้แชร์ข้อมูลเหล่านี้ โดยการเปิด “โหมดข้อมูลท้องถิ่น” จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการซิงค์กับเซิร์ฟเวอร์ของ DJI โดยบังเอิญ พร้อมกล่าวว่าโดรนของ DJI ไม่จำเป็นต้องอาศัยการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในการบิน
โดย DJI วางแผนที่จะปรับปรุงโปรแกรมประยุกต์ต่างๆ ที่ใช้สำหรับควบคุมการใช้งานโดรนในปลายเดือนกันยายนนี้ซึ่งเร็วกว่าที่เคยวางแผนไว้ อย่างไรก็ดีบริษัทกล่าวว่า “โหมดข้อมูลท้องถิ่น” ในโปรแกรมที่ปรับใหม่อาจไม่สามารถใช้ได้ในทุกประเทศหากมีข้อบังคับที่กำหนดให้นักบินต้องมีแผนที่และข้อมูลที่อัพเดตล่าสุด
สำนักข่าววิหคนิวส์