วันที่ 21 พ.ย.65 ที่อ.สุไหง-โกลก จ.นราธิวาส นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ กล่าวถึงการเปิดตัวผู้สมัครใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ของพรรคว่า สำหรับจังหวัดชายแดนใต้ 12 ที่นั่ง ประชาธิปัตย์มีผู้สมัครครบและได้ประกาศตัวชัดเจนแล้วว่า เราสู้ทุกเขต ทั้ง 12 เขตเลือกตั้ง ซึ่งเรามีที่มาที่ไปไม่ใช่อยากประกาศอะไรก็ประกาศ ที่ผ่านมาในปี 2548 ยุคท่านบัญญัติ เป็นหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์เราเคยได้ 11 จาก 12 ที่นั่ง เพราะฉะนั้นรากฐานความเป็นไปได้นั้นมันมี ไม่ใช่ไม่มี และตนมั่นใจว่า เที่ยวนี้เราเห็นจิตวิญญาณประชาธิปัตย์กลับคืนมา สำหรับสมาชิกและผู้สนับสนุนพรรคทุกคนมีปฏิกิริยาดีขึ้นมาก เสียงตอบรับดีมาก
ส่วนนโยบายสำหรับจังหวัดชายแดนใต้นั้น พรรคเห็นว่าปัญหาความมั่นคงเป็นเรื่องที่เราทิ้งไม่ได้ แต่ขณะเดียวกันเราก็ต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนา เพราะเรื่องนี้เป็นหัวใจที่พี่น้องประชาชนประสบอยู่ และพี่น้องจังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องการเห็น ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐาน หรือเรื่องเศรษฐกิจปากท้องของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเรามีช่องทางที่จะทำให้เห็นเป็นรูปธรรมได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการส่งเสริมด้านการเกษตร ยาง ปาล์ม ผลไม้ หรือในเรื่องของปศุสัตว์ การประมง รวมทั้งการที่จะทำให้จังหวัดชายแดนใต้เป็นแหล่งความมั่นคงด้านอาหารให้กับประเทศ เลยไปถึงความมั่นคงด้านอาหารให้กับโลกได้ด้วย เพราะไม่ว่าจะเป็นพุทธ หรือมุสลิม ก็สามารถผลิตอาหารที่มีคุณภาพป้อนประเทศ ป้อนโลกได้ ซึ่งเราก็มีตลาดรองรับแล้ว จากการที่ตนได้ไปเปิดเตรียมไว้แล้ว อย่างซาอุดิอาระเบีย ตลาดตะวันออกกลาง ตลาดจีน และประเทศอื่นๆ ทั่วโลก
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ส่วนความมุ่งหวังในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ คราวที่แล้วเราได้ที่นั่งเดียว เพราะฉะนั้นเราสู้ทุกเขต เชื่อว่าเราก็ได้ไม่น้อยหรอก ขอให้รอดูผลที่จะออกมา ซึ่งจากศักยภาพผู้สมัครและการลงพื้นที่ หลายท่านได้ลงพื้นที่ในนามพรรคมาแล้วระยะหนึ่ง อย่างคุณเมธี อรุณ ลาบานูน ก็เป็นความหวังของเรา และเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ ใครที่บอกว่าประชาธิปัตย์ไม่มีคนใหม่ นี่ก็เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคนหนึ่ง รวมทั้ง ดร.ยูนัยดี วาบา และยังมีคนอื่นๆ ที่เป็นผู้สมัครที่มีศักยภาพก็มาลงสมัครรับเลือกตั้งเที่ยวนี้ในนามพรรคประชาธิปัตย์
เมื่อถามว่ากังวลในเรื่องพลังดูดจากพรรคอื่นนั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนไม่คิดว่าพรรคที่ตั้งขึ้นมาเพื่อที่ดูดผู้แทนจากพรรคอื่นจะสำเร็จ ในอดีตก็ล้มเหลวให้เห็นมาเยอะแล้ว
สำหรับความคืบหน้าเรื่องการเสนอชื่อรัฐมนตรีของพรรคสำหรับการปรับ ครม. นั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนได้ส่งชื่อบุคคลที่จะมาแทนท่านนิพนธ์ บุญญามณี ซึ่งก็คือท่านนริศ ขำนุรักษ์ ไปหลายสัปดาห์แล้ว และตนก็เห็นใจว่า ท่านนายกฯ คงยุ่งอยู่กับ เอเปค แต่เมื่อ เอเปคจบแล้ว ก็เห็นว่าสมควรแก่เวลาที่ท่านนายกฯ จะได้ช่วยดำเนินการได้ เพราะคนอื่นดำเนินการไม่ได้ ตนจะดำเนินการเองก็ไม่ได้ พรรคประชาธิปัตย์ทำเองก็ไม่ได้ มันต้องเป็นไปตามกฎเกณฑ์ กติกา ท่านนายกฯ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลเท่านั้นที่จะนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ดำเนินการตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญ