17 มี.ค.2565 – นายภูมิสรรค์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา ผอ.คณะกรรมการประสานงานองค์กรเครือข่ายภายนอกพรรค เเละคณะกรรมการกิจการสาขาตัวเเทนจังหวัดและสมาชิกพรรค พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์ก่อนเข้าโหมดการเลือกตั้งทั้งสนาม กทม. และสนามเลือกตั้งใหญ่ส.ส. ว่า ขณะนี้ถือเป็นนิมิตรหมายอันดีเเละสดใสของพรรคในยุคกัปตันจุรินทร์ ซึ่งเป็นยุคเลือดเเท้จริงๆ ผสมกับเลือดใหม่และเลือดเก่าที่หลั่งไหลกลับบ้านเกิด จึงเป็นการเริ่มต้นยุคที่จะนำไปสู่ความมั่นคงเเละยั่งยืนในการสร้างรากฐานของสถาบันทางการเมืองของชาติ นอกจากนี้ ยังเป็นการทำให้เห็นความชัดเจนความไม่มั่นคงของเเต่ละตัวบุคคลได้เป็นอย่างดี โดยมาอาศัยพื้นที่ของพรรคเพื่อสร้างพื้นทางการเมืองด้วยเหตุผลส่วนตัว
นายภูมิสรรค์ กล่าวอีกว่า หลังจากนี้ไปพรรคน่าจะสามารถวางตัวเลือดแท้ เลือดใหม่ที่มีอุดมการณ์ทันสมัย ทำได้ไวทำได้จริง พร้อมเลือดเก่าที่คิดถึงพรรคและบ้านเมืองได้อย่างราบรื่นเเละมั่นคงในเเต่ละพื้นที่เลือกตั้งและอีกหลายหน้าที่ในพรรคเเละตำเเหน่งในสภาฯ รวมถึงในรัฐบาล ซึ่งจะทำให้การคาดการณ์ของทีมยุทธศาสตร์พรรคชัดเจนยิ่งขึ้นสำหรับการตั้งเป้าหมายที่นั่ง ส.ส. 80-100 กว่าที่นั่งสำหรับการเลือกตั้งที่จะมาถึง โดยจะมีความชัดเจนขึ้นในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
“การเข้าออกจากพรรคของบุคคลต่าง ๆ เป็นเรื่องปกติธรรมดาทุกยุคสมัย เพราะอุดมการณ์ไม่ได้เป็นการบอกกล่าวจากการเรียกร้องหรือคำพูด เเต่เป็นการพิสูจน์ใจเเละตัวตนของเเต่ละบุคคลอย่างเป็นที่ประจักษ์ เช่น นายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายจุรินทร์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช นายนราพัฒน์ แก้วทอง หรือเลือดใหม่อย่างนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายเมธี อรุณ (เมธี ลาบานูน) ดร.ดนุวัศ สาคริก นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รวมทั้งตนเองที่อยู่กับบ้านหลังนี้มาตลอด 25 ปี ในหลากหลายบทบาทหน้าที่”นายภูมิสรรค์ กล่าว
นายภูมิสรรค์ กล่าวด้วยว่า อยากเรียนด้วยความเคารพถึงอีกหลายบุคคลที่กำลังจะออกไปให้เร่งตัดสินใจ เพื่อเห็นเเก่ส่วนรวม เห็นเเก่พรรค ที่อย่างน้อยเคยเป็นบ้านหลังหนึ่งหรือเเค่ที่อยู่อาศัยชั่วคราวในการวางแผนอนาคตร่วมกับพรรค เพื่อให้เตรียมการวางตัวเลือดเเท้และเลือดใหม่ได้ อันจะนำไปสู่การวางรากฐานอนาคตอย่างยั่งยืนในยุคเลือดเเท้ เลือดใหม่ผสมเลือดเก่าไหลกลับของทีมกัปตันจุรินทร์อเวนเจอร์ เพื่อนำไปสู่เป้าหมายและจุดหมายที่สมบูรณ์ของการเป็นสถาบันทางการเมืองของประเทศไทย ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขต่อไป