ป.ป.ช.ทำเร็วก่อนอัยการ ปัดฝุ่นฟื้นคดี เอาผิดทักษิณคดีให้เอ็กซิมแบงก์ปล่อยกู้ให้พม่า เอาเงินมาซื้อดาวเทียมบริษัทเครือชินคอร์ป-คดีหวยบนดิน นัดถกลงมติอังคารนี้ หลังศึกษาทั้งกฎหมาย-อายุความ-หมายจับ ส่วนอัยการเอาแน่ คดีกรุงไทย-คดีแปลงสัญญาโทรคมนาคมเอื้อกลุ่มชินฯ
ไทยโพรสต์ – มีความคืบหน้าการเตรียมรื้อฟื้นคดีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ตกเป็นจำเลยในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่ศาลฎีกาฯ ได้จำหน่ายคดีออกจากสารบบชั่วคราวเพราะนายทักษิณหลบหนีคดี
ไม่เพียงแต่อัยการสูงสุดจะมีการเตรียมยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาฯ เพื่อให้ศาลฎีกาฯ พิจารณาคดีที่อัยการสูงสุดเคยยื่นฟ้องนายทักษิณ คือคดีทุจริตปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทย และคดีฟ้องนายทักษิณว่าทำความผิดเพราะใช้อำนาจหน้าที่ทางการเมืองขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทชินคอร์ป ด้วยการแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญาสัมปทานธุรกิจโทรคมนาคมเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มชินคอร์ป ที่ตระกูลชินวัตรเคยถือหุ้นใหญ่
แต่ล่าสุด พบว่าทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็เตรียมจะยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาฯ เพื่อให้ศาลฎีกาฯ พิจารณาคดีที่ป.ป.ช.เคยเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายทักษิณเช่นกัน คือ คดีการปล่อยเงินกู้ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือเอ็กซิมแบงก์ ที่เกิดในสมัยนายทักษิณเป็นนายกฯ แล้ว พบว่ารัฐบาลเมียนมาในเวลานั้นนำเงินกู้ที่ได้ไปทำสัญญาซื้อดาวเทียมและระบบโทรคมนาคมจากบริษัทในเครือชินคอร์ป กับคดีการออกสลากหวยบนดิน ที่ศาลฎีกาฯ เคยตัดสินจำคุกอดีตรัฐมนตรีในรัฐบาลนายทักษิณ คือนายวราเทพ รัตนากร อดีต รมช.การคลัง แต่ศาลฎีกาฯ ให้รอการลงโทษ
นายสุรศักดิ์ คีรีวิเชียร กรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า ขณะนี้กรรมการ ป.ป.ช.อยู่ระหว่างการพิจารณาข้อกฎหมายสำคัญคือ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ฉบับปัจจุบัน รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น ประมวลกฎหมายอาญา เพื่อเตรียมนำเข้าหารือในที่ประชุมใหญ่ ป.ป.ช.วันอังคารที่ 10 ต.ค.นี้ ว่า ป.ป.ช.จะมีมติยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาฯ เพื่อให้นำคดีที่ ป.ป.ช.เคยเป็นโจทก์ยื่นฟ้องอดีตนายกรัฐมนตรีมาพิจารณาคดีอีกครั้ง ซึ่งหากที่ประชุมเห็นด้วย ก็จะต้องมีมติ แล้วก็มอบอำนาจให้เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ไปยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาฯ เพื่อให้ศาลนำคดีกลับมาไต่สวนอีกครั้ง
“ป.ป.ช.จะหารือกันวันอังคารนี้ ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็คงออกมาเป็นมติของที่ประชุมใหญ่ แล้วก็ให้เจ้าหน้าที่ไปดำเนินการ ก็มอบอำนาจให้ไปยื่นต่อศาลฎีกาฯ เพื่อให้ศาลยกเป็นคดีกลับมาพิจารณาใหม่ เพราะเป็นเรื่องที่ ป.ป.ช.ชุดก่อนหน้านี้เขาได้ฟ้องไว้ เราก็ต้องใช้เวลาศึกษาข้อกฎหมายกันก่อน ก็ถือว่าเป็นการทำต่อให้จบ” นายสุรศักดิ์กล่าว
แหล่งข่าวจากสำนักงาน ป.ป.ช.เปิดเผยว่า หลังจาก พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีอาญาฯ มีผลบังคับใช้ โดยที่ในกฎหมายดังกล่าวมีมาตราสำคัญ 2 มาตรา คือ มาตรา 28 กับ 69 ที่มีสาระสำคัญคือการให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ พิจารณาคดีลับหลังจำเลย ในคดีที่ศาลฎีกาฯ ได้รับฟ้องคดีไว้ แต่ได้จำหน่ายคดีออกจากสารบบชั่วคราว เพราะจำเลยหลบหนีคดีหรือติดตามตัวจำเลยมาไต่สวนคดีไม่ได้ ซึ่งเมื่อกฎหมายประกาศใช้ ทาง ป.ป.ช.ก็ได้ให้เจ้าหน้าที่ไปศึกษาสำนวนคดีที่ป.ป.ช.เคยยื่นฟ้องไว้ ทั้งคดีหวยบนดินและคดีปล่อยกู้เอ็กซิมแบงก์ โดยเฉพาะเรื่องอายุความ ว่าสามารถดำเนินการได้หรือไม่ คดีขาดอายุความหรือยัง และขั้นตอนการยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาฯ จะเป็นอย่างไร เช่นไปตรวจสอบว่าศาลเคยมีการออกหมายจับนายทักษิณในสองคดีนี้ไปแล้วหรือยัง ซึ่งรายละเอียดที่ได้ไปศึกษา ก็จะมีการนำมาหารือกันในที่ประชุมวันอังคารที่ 10 ต.ค.นี้
“ดูแล้วในทางข้อกฎหมายไม่น่าจะมีปัญหาที่ป.ป.ช.จะยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา เพราะถือเป็นการทำตามหน้าที่ตามกฎหมาย โดยขั้นตอนนั้น ก็จะยื่นคำร้องไป แล้วศาลก็จะพิจารณาว่าจะทำอย่างไรต่อไป เช่น การตั้งองค์คณะมาพิจารณา การพิจารณาข้อกฎหมาย โดยศาลก็ต้องดูด้วยว่าได้เคยมีการออกหมายจับไปแล้วหรือยัง จากนั้นถ้าศาลเห็นว่า สามารถพิจารณาคดีได้ องค์คณะฯ ก็จะมีการนัดพร้อมคู่ความ โดยก็จะต้องส่งหนังสือของศาลไปให้ จำเลยมาสู้คดีที่ศาล ซึ่งหากไม่มา ก็พิจารณาคดีลับหลังได้ ซึ่งตามกฎหมายก็ให้สิทธิจำเลยในการตั้งทนายมาสู้คดีได้อยู่ ไม่ได้มีการตัดสิทธิ การพิจารณาคดีก็จะดำเนินไปเรื่อยๆ เหมือนคดีปกติ ซึ่งทั้งหมด ป.ป.ช.จะคุยกันในวันอังคารนี้ ที่ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะได้ข้อยุติเลยหรือไม่” แหล่งข่าวจาก ป.ป.ช.ระบุ
สำนักข่าววิหคนิวส์