กนกเตรียมส่งคดีงาบเงินทอนวัดให้พงศ์พรลุยต่อ หลังได้กลับมานั่งเก้าอี้พศ.ตามเดิม ขณะที่บก.ปปป.ส่งแฟ้มคดีให้ป.ป.ช.สอบเพิ่มเติมอีก3วัด เตรียมลุยล้างบางแก๊งเปรตล็อต3 หลังพบข้อมูลตั้งใจทุจริตมูลค่าเสียหายหลายร้อยล้านบาท
แนวหน้า – นายกนก แสนประเสริฐ รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ซึ่งเกษียณอายุราชการปีนี้ และทำงานเป็นวันสุดท้าย เปิดเผยภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.)ว่า เตรียมหลักฐานเอกสารที่เกี่ยวข้องคดีทุจริตเงินทอนวัดที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ส่งมาให้พศ.ดำเนินการ ส่งต่อให้ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ที่จะกลับมาเป็น ผอ.พศ.เพื่อให้รับไปดำเนินการต่อไป
“เบื้องต้นได้พูดคุยแล้วเชื่อว่าไม่มีปัญหาใดๆ เพราะเป็นงานที่ทำมาตั้งแต่ต้น นอกจากรายละเอียดรายชื่ออดีตผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ พศ.และพระสงฆ์ที่เกี่ยวข้องมีรายชื่อวัด ทั่วประเทศที่ยังไม่ชี้แจงรายรับรายจ่าย มากกว่า 100 แห่ง ส่วนการดำเนินคดีที่เข้าข่ายคดีอาญาและคดีแพ่ง เชื่อว่า พ.ต.ท.พงศ์พร ที่เข้ามาจะสามารถทำงานประสานกับ ปปป.ได้ราบรื่น” นายกนก กล่าว
นอกจากนี้ ยังแจ้งต่อที่ประชุมว่า พ.ต.ท.พงศ์พร จะกลับมาทำหน้าที่ ผอ.พศ.ในวันที่ 2 ต.ค.นี้ ซึ่งสมเด็จพระสังฆราช ทรงรับทราบ การกลับมาทำหน้าที่จะได้สานต่องานที่ทำให้เสร็จ
ทางด้าน พ.ต.อ.วรายุทธ สุขวัฒน์ รอง ผบก.ปปป.กล่าวว่า วันนี้ได้ส่งสำนวนเพิ่ม 3 แฟ้ม 2 สำนวน คือวัดบำเพ็ญเหนือ เขตมีนบุรี และวัดราชสิทธารามวรวิหาร เขตบางกอกใหญ่ เป็นเอกสารหลักฐานที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการไต่สวนและส่งฟ้องผู้กระทำผิดต่อไป
สำหรับการสอบสวนรอบนี้ มีวัดที่ได้รับความเสียหายจากการทุจริตของเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติถึง 23 วัด ผู้ต้องหาทั้งหมด 19 ราย แบ่งเป็น ข้าราชการสำนักพุทธฯ 13 ราย เข้ามารับทราบข้อหาแล้ว 6 ราย ส่วนการออกหนังสือเชิญพระผู้ใหญ่ 4 รูป มารับทราบข้อกล่าวหานั้น มีเพียง 1 รูป ที่มารับทราบข้อกล่าวหา ส่วนอีก 3 รูป เป็นหน้าที่ ป.ป.ช.ดำเนินการออกหมายเรียกตามขั้นตอน
พ.ต.อ.วรายุทธ กล่าวว่า สำหรับการตรวจสอบทุจริตเงินทอนวัดนั้น เกือบร้อยละ 90 ที่พระสงฆ์ในวัดไม่มีส่วนรู้เห็นกับการทุจริต แต่ถูกเจ้าหน้าที่ พศ.หลอกและใช้เป็นเครื่องมือ ซึ่งประมาณสัปดาห์หน้า จะเข้าหารือกับ พ.ต.ท.พงศ์พร ในการเดินหน้าสอบทุจริตเงินทอนวัดรอบที่ 3 ซึ่งมีข้อมูลว่า วัดได้รับความเสียหายหลายสิบวัด มูลค่าหลายร้อยล้านบาท โดยเป็นการตั้งใจทุจริตงบประมาณในส่วนนี้โดยตรง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ลุยตรวจสอบคดีทุจริตเงินทอนวัด โดยล็อตแรก เป็นการทุจริตงบอุดหนุนบูรณะปฎิสังขรณ์วัดและพัฒนาวัด 12 วัด ตั้งแต่ปี 2555 – 2559 ความเสียหายประมาณ 60 ล้านบาท มีผู้ต้องหา 10 ราย พร้อมส่งสำนวนให้ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด ซึ่งเป็นการดำเนินคดีในล็อตแรก
ส่วนล็อตสอง คือ เมื่อวันที่ 21 ก.ย.เจ้าหน้าที่ ปปป.สนธิกำลังจู่โจมตรวจค้นรวม 14 จุด ใน 7 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพฯ นนทบุรี ขอนแก่น ระนอง สิงห์บุรี นครปฐม และสมุทรสาคร เพื่อหาหลักฐานเชื่อมโยงกระบวนการทุจริตเงินทอนวัด จำนวน 23 วัด ตั้งแต่ปี 2555 – 2560 ความเสียหายประมาณ 140 ล้านบาท จนมีหลักฐานความผิดถึงตัวผู้ต้องหาจำนวน 19 ราย และได้ทำสำนวนส่งปปช.ไปเมื่อวันที่ 26 ก.ย.ที่ผ่านมา
ขณะที่ นายสุทธิ บุญมี ผอ.สำนักการข่าวและกิจการพิเศษ กล่าวว่า ป.ป.ช.ได้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนในกรณีดังกล่าวแล้ว ซึ่งเป็นชุดเดิมที่ไต่สวนคดีเงินทอนวัดในรอบแรกที่ บก.ปปป.ส่งเรื่องเข้ามา ตอนนี้ทำให้งานมีความคืบหน้าไปมาก และยืนยันสามารถส่งฟ้องได้แน่นอน
สำนักข่าววิหคนิวส์