นคร มาฉิม รองหน.พรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความระบุว่า
พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล หากจะจัดตั้งรัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งหน้า
พวกท่านจะต้องสามัคคี มีเอกภาพ และวางยุทธศาสตร์ร่วมกับมวลชน แนวรบนอกสภามิฉะนั้น ท่านเพียงชนะศึก แต่ แพ้สงคราม
รัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการทรราช ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสืบทอดอำนาจให้ระบอบเผด็จการฟาสซิสต์ดำรงอยู่ อย่างมั่นคงตลอดไป โดย
1
ศาลรัฐธรรมนูญ และ องค์กรอิสระ ที่มีอำนาจมากที่สุด ได้รับการแต่งตั้งจาก คณะโจรกบฏ คสช พวกเขาจึงรับใช้ ทรราช คสช.
ศาล และ องค์กรอิสระจึงเป็นเครื่องจักรสังหารให้ โจรกบฏ คสช ใช้เป็นเครื่องมือประหัตประหารนักการเมืองและพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย
การยุบพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคไทยรักษาชาติ พรรคอนาคตใหม่ คือตัวอย่างที่เผด็จการใช้องค์กรอิสระ และกระบวนการยุติธรรมประหัตประหาร ในนามของกฎหมาย หรือกระบวนการยุติธรรม
การที่ฝ่ายเผด็จการ โดยเฉพาะ ประยุทธ์ ประวิตร และลิ่วล้อบริวารของเผด็จการ รอดพ้นจากทุกข้อกล่าวหา และทุกความผิด แม้จะมีหลักฐานการทระทำความผิดชัดเจนเพียงใด ก็ไม่ระคายผิวของเหล่าทรราชได้ จึงบ่งชัดว่า พวกเขา คือพวกเดียวกัน องค์กรอิสระ และ กระบวนการยุติธรรม คือสมุนลิ่วล้อบริวารของเผด็จการอย่างปราศจากข้อสงสัย
2
เผด็จการ คสช แต่งตั้ง ส ว 250 คน และให้มีอำนาจเลือก นายกรัฐมนตรีได้ มีวาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปี เลือก นายกได้ถึง 2 ครั้ง
จึงเป็นกฎ กติกา ที่โกง ที่สุด เอาเปรียบที่สุด ไม่มีที่ไหนในโลกประชาธิปไตยเขาทำกัน เพราะถ้าใช้กฎ กติกา ปกติ เป็นธรรม พวกเขาจะไม่มีทางชนะ จึงสร้างกฎ กติกา ที่คดโกง เอาเปรียบ อย่างวิปริต เพื่อให้เลือกทรราช คสช ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี โดยไม่สนใจเสียงของประชาชน
ส ว เหล่านี้ จึงเป็นเสาค้ำยันให้ระบอบเผด็จการสืบทอดอำนาจ อย่างมั่นคงจนถึงวันนี้ แม้ประชาชนและพรรคการเมืองฝ่ายค้าน จะพยายามแก้ไข ตัดอำนาจของ ส ว ออกไป ก็มิอาจทำได้ สุดท้าย ทำได้แค่ แก้ไขจากบัตรใบเดียว เป็นบัตร 2 ใบ เท่านั้น โดยไม่มีการแก้ไขเชิงระบบ ที่เป็นธรรม เชิงโครงสร้าง ที่เป็นประชาธิปไตยแม้แต่น้อย
รัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการ คสช ปี 60 จึงยังเป็นกฎของโจรกบฏ โดยโจรกบฏ และเพื่อ โจรกบฏ ที่เหล่าทรราชและตระกูลปรสิตได้ประโยชน์สูงสุด
แนวรบในรัฐสภา ภายใต้กฎโจรกบฏ พรรคเพื่อไทยในฐานะทัพใหญ่ และ ก้าวไกลทัพหน้า ต่อให้ได้รับความนิยม จากคนที่ฉลาด ตื่นรู้ มากเพียงใด ก็มิอาจชนะสงครามระหว่างประชาธิปไตย กับ เผด็จการ ได้
อย่าลืมว่า ศาล องค์กรอิสระ เครือข่ายราชการ เครือข่ายความมั่นคงด้านทหาร เครือข่ายมหาดไทย รวมถึงกลโกง และการล่อหลอกด้วยการกู้เงินมาแจก อย่างบ้าคลั่งของรัฐบาลเผด็จการนี้ ที่ไม่เคยสนใจว่าประเทศไทย คนไทย จะหายนะในอนาคต คนเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ ก็ยังคงสนับสนุนเผด็จการทรราชนี้ มีอยู่ไม่น้อย
การเอาชนะระบอบเผด็จการ และ พรรคการเมืองฝ่ายเผด็จการ ภายใต้กฎของโจรกบฏ จึงเป็นไปได้ยากยิ่ง ที่สำคัญตระกูลปรสิตได้ประโยชน์สูงสุด ดังใจปรารถนาทุกอย่าง จึงยังคงใช้ เผด็จการ คสช เป็นเครื่องมือสนองความต้องการ และสนับสนุนให้อยู่ต่อ ศึกนี้จึงยิ่งหนักขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ
แล้วจะมีแนวทางใด ที่จะชนะ และ สามารถจัดตั้งรัฐบาลของประชาชนได้ ผู้เขียนจึงขอเสนอ
1 แนวรบในสภา
พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรคร่วมฝ่ายค้านฝ่ายประชาธิปไตย จะต้อง ร่วมลงสัตยาบัน สามัคคีกัน มียุทธ์ศาสตร์ร่วมกัน หลีกทางให้กันบางเขต ไม่ชิงดีชิงเด่น กัน ไม่โจมตีใส่ร้ายกัน และไม่ให้มวลชนฝ่ายประชาธิปไตย ทำลายกันเอง เพื่อให้ได้ ส ส ฝ่ายประชาธิปไตยให้มากที่สุด แบบแลนด์สไลด์
2 แนวรบนอกสภา
มวลชนฝ่ายประชาธิปไตยจะต้องไม่ถืออารมณ์ ความรัก ความชอบ ในพรรค หรือ หัวหน้าพรรค ส่วนตนเป็นใหญ่ แต่จะต้องดำเนินการตามแผน ตามยุทธศาสตร์ และยุทธวิธี ขับเคลื่อนตามภารกิจ และหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมาย อย่างสอดประสาน เป็นขบวนการ มีเอกภาพ และเข้มข้น จริงจัง ถือเป็นภารกิจสำคัญ ยิ่งใหญ่ ให้มีจำนวนเพิ่มขึ้น ทั้งปริมาณ และ คุณภาพ เป็นแนวรบ นอกสภาที่มีพลัง ซึ่งในทางทฤษฎีอาจเรียกได้ว่าเป็น มวลชนปฏิวัติ
3
ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และ พลเรือน รวมถึง รัฐวิสาหกิจ ที่รักประชาชน รักประชาธิปไตย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม อบต ทั้งท้องที่ และท้องถิ่น หากท่าน ต้องการให้ บ้านเมืองของเรา ข้ามพ้นจากยุคมืด ยุคทรราชครองเมือง ก็ขอให้ท่านได้หันกลับมารับใช้ประชาชน อยู่ฝ่ายประชาธิปไตยอย่าเป็นเครื่องมือให้ระบอบปรสิต ระบอบเผด็จการทรราชอีกต่อไป
โดยเฉพาะ ทหาร ซึ่งมีปืนจะเป็นผู้ปิดฉากระบอบปรสิต ระบอบเผด็จการฟาสซิสต์นี้ได้
เพราะหากกระบวนทัพฝ่ายประชาธิปไตย ยังสู้แบบสะเปะสะปะ ขาดเอกภาพ เอาแต่ชิงดีชิงเด่น ถือประโยชน์เฉพาะหน้า ไม่มีแผนการ ไม่มียุทธวิธี และไม่มียุทธศาตร์ ร่วม ก็ยากที่จะชนะระบอบเผด็จการที่เข้มแข็งนี้ได้
แนวรบในสภา และ แนวรบ นอกสภา จึงจำเป็นต้อง ทำศึกคู่ขนาน สอดประสาน เป็นขบวนการ เป็นเครือข่าย อย่างมีเอกภาพ มียุทธศาตร์ เท่านั้นโอกาสชนะจึงพอมี
ปัญหาคือ
แล้วใครจะเป็นผู้มากประสบการณ์ มากบารมี เป็นที่ยอมรับ และสามารถนำทัพฝ่ายประชาธิปไตยในยุคสมัยนี้ได้ ที่มีทั้งศาสตร์ และศิลป์ จึงอยากเสนอให้ มวลชนฝ่ายประชาธิปไตยเสนอบุคคลที่มีคุณสมบัติ มีความพร้อม มีอุดมการณ์ เด็ดเดี่ยว มั่นคง มาเป็นแม่ทัพฝ่ายประชาธิปไตย เพื่อทำศึกชิงเมือง ชิงอำนาจรัฐ และนำการเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองให้เป็นประชาธิปไตย
อย่าปล่อยให้ประเทศของเรา ลูกหลานของเรา จมอยู่กับระบอบการปกครองของตระกูลปรสิต และ เผด็จการฟาสซิสต์ ที่ไร้อนาคต ไร้ความหวัง และถูกไล่ล่า จนสูญสิ้น ชีวิต และ อิสรภาพ เช่นนี้อีกเลย
นคร มาฉิม
อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจังหวัดพิษณุโลก
อดีตประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองสภาผู้แทนราษฎร
21 ตุลาคม 2564