วันที่ 2 มิ.ย. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผย ถึงการเสนอของบประมาณการติดตั้งเทคโนโลยีสารสนเทศของอาคารรัฐสภาแห่งใหม่
ที่มีการขอไปยังรัฐบาลกว่า 8,000 ล้านบาท เกินจากแผนเดิมที่ตั้งไว้เพียง 3,000 กว่าล้านบาท ว่า ตนได้รับใบเสนอราคาและได้มีโอกาสติดตามบริษัทที่เสนอราคามาว่ามีตัวตนจริงหรือไม่ แล้วทำไมถึงเสนอราคากันมากมายเป็น 100 รายการมากขนาดนั้น ถ้ามีการนำเสนอราคาอย่างนี้ จะต้องเป็นบริษัทที่ใหญ่มาก เพราะงบไอซีที มีมากถึง 1,800 กว่าล้านบาท ซึ่งบริษัทที่เสนอราคานี้ เป็นคนเสนอ ระบบ ไอซีที และนอลไอซีที เกือบทุกรายการ ตนจึงได้ลงพื้นที่ติดตามบริษัท ที่เสนอราคามาแล้วทำให้เชื่อว่า มีการกระทำที่ส่อไปว่าจะเป็นการทุจริต
นายวิลาศ กล่าวว่า ตนได้ลงพื้นที่ไปดูบริษัทดังกล่าว โดยมีเป้าหมาย 3 บริษัท ซึ่งได้รับการจ้างจากสภาให้เป็นห่วงแผนเกี่ยวกับระบบไอซีทีในวงเงิน 50 กว่าล้านบาท ด้วยการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ ให้ทำหน้าที่ติดตั้งระบบสารสนเทศของอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ พบว่า ทั้ง 3 บริษัทมีการเสนอราคาที่ส่อฮั้วอย่างผิดปกติ มีการเสนอรายการสินค้าที่เป็นสินค้าของบริษัทในเครือตัวเองถึง 60 รายการ โดยไม่ได้สำรวจสินค้าจากบริษัทอื่นตามกระบวนการ
นายวิลาศ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังพบว่า 1 ใน 3 บริษัทที่เสนอติดตั้งนาฬิกาดาวเทียมให้อาคารรัฐสภา มีที่ตั้งบริษัทเป็นเพียงบ้านเดี่ยวชั้นเดียว และไม่ได้จดทะเบียนต่อกระทรวงพาณิชย์ ว่าเป็นบริษัทนำเข้าหรือติดตั้งนาฬิกาโดยตรง แต่เป็นเพียงบริษัทจำหน่ายระบบเครื่องใช้ไฟฟ้าเท่านั้น
นายวิลาศ ยังตั้งข้อสังเกตว่า การแต่งตั้งผู้อำนวยการสำนักสารสนเทศของรัฐสภา ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญด้าน ไอซีที โดยตรง และแต่งตั้งก่อนเสนองบประมาณเพียง 1 เดือน โดยไม่ได้มีการกลั่นกรองงบประมาณก่อน จึงมีความไม่ชอบมาพากลว่ามีการฮั้วกันหรือไม่
“ขอเรียกร้องให้ ประธาน สนช. ตรวจสอบการเสนองบประมาณครั้งนี้ ที่เกินไปจากความเป็นจริงกว่า 8,000 ล้านบาท ว่าเป็นความผิดสำเร็จแล้วหรือไม่ และควรทบทวนพร้อมเอาคนผิดมาลงโทษ” นายวิลาศ กล่าว
สำนักข่าววิหคนิวส์