“ประยุทธ์” ลั่นแจ้งเบาะแสทุจริตมาที่ตัวเองโดยตรงได้เลย ปรามเอกชนต้องไม่เป็นฝ่ายเสนอผลประโยชน์ก่อนด้วย ยันจัดการเด็ดขาดข้าราชการมีเอี่ยวค้ามนุษย์
วันนี้ (30 มิ.ย.) เมื่อเวลา 20.15 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ช่วงหนึ่งว่า การแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ ซึ่งรัฐบาลนี้ยกระดับให้เป็นวาระแห่งชาติ เนื่องจากเกี่ยวพันกับหลายภาคส่วน และส่งผลกระทบรุนแรง ทั้งด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคม ประกอบไปด้วยปัญหาที่เชื่อมโยงมากมาย ทั้งแรงงานทาส แรงงานต่างด้าว ขอทาน โสเภณี และการละเมิดสิทธิมนุษยชน เป็นต้น ความเสียหายทางเศรษฐกิจเฉพาะในช่วงการประมงที่ผิดกฎหมายที่เชื่อมโยงกับการค้ามนุษย์ และแรงงานทาส หากเราไม่ดำเนินการแก้ไขอาจจะถูกกีดกันสินค้าประมง ซึ่งมีมูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาทต่อปี เมื่อรัฐบาล และ คสช.เช้ามา ได้จัดการกับปัญหาเหล่านั้นอย่างครบวงจรส่งผลให้รายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ของประเทศไทยมีผลการจัดอันดับดีขึ้นในปีที่ผ่านมา และคงอยู่ระดับเดิมในปีนี้ ซึ่งมีผลการดำเนินการคืบหน้ามาโดยลำดับ สืบเนื่องมาจากความทุ่มเท และบูรณาการกันของหลายหน่วยงาน ทั้งในเรื่องการปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบ การดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด การป้องกันผู้ที่อาจตกเป็นเหยื่อคุ้มครองเหยื่อ และพยาน และการสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ทั้งใน และระหว่างประเทศ ถึงแม้ว่าจะมีปัญหาอยู่มากมาย แต่เราก็จะพยายามดำเนินการต่อไป ไม่ได้ท้อถอย ไม่ได้ท้อแท้ เพราะเราทำเพื่อประเทศไทยของเรา
สิ่งที่สำคัญกว่าการประเมินใดๆนั้นซึ่งเป็นมุมมองของภายนอกก็คือการปกป้องคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของทุกคน ทั้งคนไทย และทุกคน บนผืนแผ่นดินไทย ภายใต้หลักมนุษยธรรม และสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานเป็นสำคัญ ผมขอเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ และผู้เกี่ยวข้องในการร่วมกันแก้ปัญหาเรื้อรังของประเทศนี้ให้ได้อย่างยั่งยืน ซึ่งจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากข้าราชการ พลเรือน ตำรวจ ทหาร อัยการ ศาล เราต้องช่วยกันขจัดวงจรค้ามนุษย์ออกจากบ้านเมืองของเราให้ได้
นายกฯ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลจะเข้มงวดลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้อง ติดตามคดีทุกคดี โดยผู้ที่ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพนั้น หากมีการเรียกรับผลประโยชน์ด้วยจะต้องมีการปรับย้าย สอบสวนในทันที เมื่อพบว่ามีการกระทำผิดจริงก็จะต้องมีโทษทั้งอาญา และวินัย ปลดออก ไล่ออกด้วย ก็ขอเตือนไว้ก่อน จากนี้เราต้องจริงจังในเรื่องที่ยังเป็นข้อสังเกตกลับมาในครั้งนี้ทุกเรื่อง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่ออีกว่า ประเทศไทยแทบไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่มานานกว่า 20 ปี จนเกือบจะรั้งท้ายในเอเชีย และไม่มีอะไรจะดึงดูดความสนใจจากต่างประเทศ แต่ 2 ปีที่ผ่านมานี้ เราพยายามผลักดันให้เกิดการลงทุน วงเงินกว่า 2.4 ล้านล้านบาท ในแทบทุกโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง ทั้งถนน ทางด่วน มอเตอร์เวย์ รถไฟ รถไฟฟ้า รถไฟความเร็วสูง ท่าเรือ สนามบิน และสถานีขนส่งสินค้า โดยเฉพาะรถไฟฟ้า เริ่มแล้ว 5 เส้นทาง และจะประมูลอีก 3 เส้นทางในปีนี้รถไฟทางคู่ ไม่มีการสร้างเพิ่มมาหลายสิบปี โดยปีนี้จะสร้างใหม่และต่อขยายอีกเกือบ 3 พันกิโลเมตร อีกทั้งมีรถไฟไทย จีน และรถไฟความเร็วสูง 2 เส้นทาง กรุงเทพ-ระยอง และ กรุงเทพ-หัวหิน เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิตัล และโทรคมนาคม อีกกว่า 3 หมื่นล้านบาท เพื่อสนับสนุนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้านการศึกษา, ลดความเหลื่อมล้ำด้านสาธารณสุข, เชื่อมโยงการค้า e-Commerce จากท้องถิ่นสู่ตลาดโลก เป็นต้น ทั้งนี้ ทุกอย่างต้องอาศัยเวลา แม้ไม่เห็นผลในวันนี้ แต่ก็ต้องทำ และยินดีที่รัฐบาลในอนาคตจะสานต่อ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนด้วย
นายกฯ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้การพัฒนาใดๆ ก็ตาม หากบกพร่องในการป้องกันการทุจริตอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ก็จะไม่สามารถสร้างความเข้มแข็งได้ถาวร เพราะวงการมีสนิมที่เนื้อในตั้งแต่ต้น เราจะติดตามจับกุมดำเนินคดีได้อย่างต่อเนื่อง วันนี้ก็มีปรากฎหลายๆ วงการ อาจจะยังคงมีอยู่ ขอเตือนไว้ก่อน ภาคธุรกิจเอกชนเองก็ต้องไม่เสนอผลประโยชน์ หากใครมีข้อมูลให้ร้องเรียนแจ้งเบาะแสมาที่ตนได้โดยตรงในทันที ทุกอย่างจะเก็บไว้เป็นความลับ แต่จะไปดำเนินการต่อผู้ที่ทุจริต ไม่ใช่ทราบแล้วก็เก็บเรื่อง มาวันนี้ทุกคนต้องรับรู้ และเข้าใจว่า เราไม่สามารถจะอยู่คนเดียวบนโลกได้ เพราะโลกกำลังจับตามองเราอยู่ ดังนั้นเราจะต้องปรับตัวและเตรียมพร้อม สำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของประเทศ เพื่อไม่ให้เกิดอาการเหมือนปลาช็อกน้ำอีก ซึ่งในครั้งนี้จะเป็นก้าวย่างเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญตามนโยบายประเทศไทย 4.0 ที่จำเป็นต้องมีการปฏิรูปในอีกหลายๆ ด้านด้วย
เพิ่มเติม..
https://m.manager.co.th/Politics/detail/9600000066888