“ประยุทธ์” วอนแยกแยะเรื่องทุจริตให้ออกว่าอะไรคือการตรวจสอบ อย่าพูดกันเสียหาย ทำนักลงทุนต่างชาติหนีหมด มั่นใจเรื่องดีมีมากกว่าที่ไม่ดี พร้อมติงโครงการที่ยังเป็นเพียงแนวคิดไม่ควรวิจารณ์มาก จนทำให้หลายโครงการดีๆ ต้องพับไป
วันนี้ (23 มี.ค.) เวลา 20.15 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ตอนหนึ่งว่า เรื่องการประมูล จัดซื้อจัดจ้างต่างๆ อาจจะแยกได้เป็น 2 กรณี กรณีแรกหากยังไม่มีการดำเนินการใดๆ เลย เป็นแต่เพียงแนวคิด เป็นแนวทางแก้ปัญหา ซึ่งยังไม่มีอะไรชัดเจน หรืออยู่ในระหว่างการรวบรวมข้อมูล การศึกษาความเป็นไปได้ ไม่น่าจะนำมาวิพากษ์วิจารณ์มาก จนโครงการดีๆ หลายโครงการต้องพับไป มันแก้อะไรไม่ได้เหมือนเดิม ทั้งๆ ที่มันมีความจำเป็น หรือ สำคัญต่อความมั่นคงของส่วนรวมไม่ว่าจะเรื่องของแก้ปัญหาเรื่องน้ำ เรื่องป่า เรื่องการลงทุนอะไรต่างๆ ก็แล้วแต่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแพร่ข้อมูลในสื่อโซเชียลฯ ซึ่งมันเป็นการใช้เทคโนโลยีที่เราจะต้องมีสติ ระมัดระวัง เพราะใครก็ได้ ต่างฝ่ายต่างให้ข้อมูล โดยไม่มีใครสามารถจะบอกได้ว่า ใครถูกใครผิด
ทั้งนี้ รัฐบาล และ คสช. เข้าใจถึงเจตนารมณ์ ซึ่งเป็นความปรารถนาดี แต่ขอให้พี่น้องประชาชนนั้น ที่มีเจตนาอันบริสุทธิ์ได้กรุณาตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล หรือรอคำชี้แจงต่างๆ เพื่อให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ สำรวจแหล่งที่มาของข่าวสารให้ดีเสียก่อน ไม่เช่นนั้นเวลาโพสต์ส่งต่อๆ ไป บางทีมันก็ทำให้เกิดความสับสนอลหม่านวุ่นวาย หรือคิดต่อไม่ได้ ทำอะไรต่อไม่ได้เลย ตราบใดก็ตามที่ยังไม่ได้มีการจัดทำคิวอาร์จากทางโครงการออกมา ยังไม่เกิดอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นหากมันเป็นข้อมูลเท็จ หรือเป็นข่าวสารที่ผ่านการปรุงแต่งบิดเบือน และมีผู้หนึ่งผู้ใดนำเข้าสู่ระบบ หรือโลกออนไลน์ อาจจะเป็นการกระทำผิดกฎหมาย และส่งผลเสียต่อสังคม และเกิดผลกระทบต่อผลประโยชน์ส่วนรวมด้วย
นายกฯ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันรัฐบาลมีช่องทางรับเรื่องราวร้องเรียน เพื่อรับฟังข้อมูลจากทุกคนทุกฝ่ายทั้งสายด่วน 1111 ของรัฐบาล สายด่วน 1567 ศูนย์ดำรงธรรมของกระทรวงมหาดไทย หรือสายด่วน 1299 ของ คสช. แล้วก็มีศูนย์ดำรงธรรมทุกจังหวัดทุกพื้นที่ ขอให้ใช้ช่องทางต่างๆ เหล่านั้นจะดีที่สุด ร้องไปถ้าไม่ได้รับการแก้ไข ติดต่อ ขอให้ทำมาอีกครั้งหนึ่ง อาจจะส่งมาสำนักนายกรัฐมนตรีก็ได้เรื่องใหญ่ๆ สำคัญๆ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ขอให้ส่งทางหน่วยงานจะดีกว่า เพราะนายกรัฐมนตรีจะได้แก้ไขในโครงการใหญ่ๆ ที่เป็นปัญหา เพราะเรื่องเล็กๆ นั้นเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ เรื่องของหน่วยงานระดับผู้ปฎิบัติจะต้องแก้ไขอยู่แล้ว เร็วๆ นี้ เราจะเปิดช่องทางใหม่สายด่วนไทยนิยมในรูปแบบแอปพลิเคชันบนมือถือ เว็บไซต์ และเฟซบุ๊ก ที่ตอบสนองความสะดวก และรวดเร็วของพี่น้องประชาชน ที่มีมือถือกันแทบทุกคน ขอให้ติดตามข่าวสารกัน
ขอย้ำอีกครั้งว่า การทุจริตที่ตรวจสอบพบ จากข้อร้องเรียนของภาคประชาชน รัฐบาล และ คสช. นั้น จะดำเนินการให้ทุกเรื่อง ขอให้อย่าเป็นการกลั่นแกล้ง หรือเป็นการทำให้เกิดปัญหาในเรื่องของการบริหารราชการแผ่นดินเลย เพียงแต่ว่าขอข้อเท็จจริงขอพยานหลักฐานพอสมควร ให้เกิดความกระจ่างชัดจะได้ดำเนินการต่อได้ เราจะต้องทำให้เป็นธรรมตามขั้นตอน ตามกระบวนการ และข้อกฎหมาย ซึ่งอาจจะมีหลายเรื่องในเวลานี้ ไม่ใช่ว่าจะนิ่งนอนใจ เราจำเป็นต้องใช้กระบวนการตรวจสอบที่โปร่งใส และเป็นธรรมทั้งกับผู้ร้อง และผู้ถูกกล่าวหาตามกฎหมายที่มีอยู่
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวด้วยว่า เราพูดเรื่องทุจริตมาก็บ่อยแล้ว หลายคนจะสึกว่าไม่ปลอดภัยกับบ้านเมืองของเราเอง บางครั้งต่างประเทศก็ไม่ไว้ใจ เพราะฉะนั้นเราต้องแยกแยะให้ออก ว่าอะไรคือเรื่องของการตรวจสอบ ไม่ใช่พูดกันเสียหาย ก็คงจะมีดีๆ อยู่เยอะแยะ มากกว่าสิ่งที่ไม่ดี ต่างชาติเขาก็ดูอยู่ การลงทุนอะไรต่างๆ ก็กำลังเกิดขึ้น เราอาจจะหวังดี พูดกันไปกันมา บางทีก็เสียหาย ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปทั้งหมด
อย่างเช่น ภาคใต้วันนี้ก็ปลอดภัย ก็มีปัญหาอยู่บางพื้นที่เท่านั้นเอง แต่ก็มีความเสียหายอยู่ เพราะฉะนั้นคนใต้เองเขาก็บอกว่า ประชาสัมพันธ์ หรือออกข่าวไปมาจนกระทั่งทุกคนไม่ค่อยเชื่อมั่นในความปลอดภัย ภาคใต้จริงๆ เขาบอกว่ามีบางพื้นที่เท่านั้นเอง นี่คนใต้เขาพูดมา เพราะฉะนั้น อะไรก็ตาม อาจจะด้วยเจตนาดี พอพูดไปมากเกินไป บางทีก็มีผลเสียกับคนในพื้นที่ด้วย
คำต่อคำ : รายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” วันที่ 23 มี.ค.61
สวัสดีครับ พ่อแม่พี่่น้องชาวไทยที่รักทุกท่าน เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ผมได้เดินทางเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ออสเตรเลีย สมัยพิเศษ ณ นครซิดนีย์ ออสเตรเลีย ที่จัดขึ้นเพื่อหารือกับผู้นำประเทศต่างๆ ในออสเตรเลีย ภายใต้หัวข้อ ส่งเสริมความมั่นคงและความมั่งคั่งในภูมิภาค ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันว่าจะต้องมีผลลัพท์การการหารือที่จะนำสู่การปฏิบัติจริงให้ได้โดยเร็ว
ออสเตรเลียถือเป็นประเทศคู่เจรจาที่เก่าแก่ที่สุดของอาเซียน มากว่า 44 ปี แล้ว ทำให้เรามีความเข้าใจอาเซียนเป็นอย่างดี เข้าใจระหว่างกันทั้ง 2 ทาง ปัจจุบันออสเตรเลียเป็นอีกประเทศหนึ่ง ที่อยู่ระหว่างการพิจารณา ทางเลือกใหม่ๆ โดยการดำเนินความสัมพันธ์กับโลกภายนอก รวมถึงการหาความสำเร็จในภูมิภาค โดยเฉพาะการพัฒนาแนวคิดแปซิฟิกที่จะเชื่อมโยงประเทศในมหาสมุทรอินเดียกับแปซิฟิกเข้าด้วยกัน ซึ่งเป็นภูมิภาคที่ยังไม่มีความแน่นอนสูง เราจึงต้องเร่งพัฒนาการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ในหลายด้าน เพื่อจะรองรับความท้าทายต่างๆ สำหรับด้านเศรษฐกิจนั้น ปัจจุบันเรามีความตกลงที่เรียกว่า การค้าเสรี อาเซียน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ซึ่งมีศักยภาพที่จะนำมาใช้ในหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระหว่างกันให้แน่นแฟ้นขึ้นอีก
การเดินทางครั้งนี้ ผมและผู้นำประเทศในสมาชิกออสเตรเลีย ได้ร่วมกันเป็นสักขีพยานการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือการต่อต้านการก่อการร้ายสากล ระหว่างอาเซียนกับออสเตรเลีย เพื่อจะย้ำเจตนารมณ์ในการร่วมมือต่อต้านการก่อการร้ายสากล และยังได้รับรองปฏิญญาซิดนีย์ ซึ่งเป็นเอกสารกำหนดวิสัยทัศน์ความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับออสเตรเลียด้านต่างๆ เช่น การต่อต้านภัยคุกคามในหลายรูปแบบต่อความมั่นคง การใช้ประโยชน์จากพื้นที่มหาสมุทรร่วมกันอย่างสันติ ความมั่นคงปลอดภัยทางทะเล และการบินเหนือน่านฟ้าในภูมิภาค
ส่วนด้านเศรษฐกิจนั้นจะมีการสนับสนุนการเปิดเสรีการค้าระหว่างกัน รวมถึงการเร่งรัดความตกลงอาเซป การส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล อีกทั้งการร่วมกันสนับสนุนไมโครเอสเอ็มอี เพื่อจะลดช่องว่างการพัฒนาระหว่างกันด้วย ซึ่งต้องส่งเสริมความร่วมมือระดับประชาชนผ่านความเชื่อมโยงด้านการศึกษา ความร่วมมือทางสิ่งแวดล้อมและสาธารณสุข
นอกจากนี้ ออสเตรเลียได้เสนอโครงการต่างๆ ที่ครอบคลุมทั้งการเมือง และความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคม วัฒนธรรมอาเซียน เพื่อจะดำเนินการโดยมุ่งเน้นประเด็นทั้ง 2 ฝ่าย จะต้องมีผลประโยชน์ร่วมกัน เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การต่อต้านการค้ามนุษย์เพิ่มเติมด้วย
สำหรับที่ประชุมนั้น ได้เน้นย้ำว่า การเชื่อมโยงแปซิฟิกที่กำลังพัฒนานี้ ควรนำไปสู่ดุลยภาพใหม่ โดยคำนึงถึงความเป็นแกนกลางอาเซียน ยึดถือในเรื่องความไว้เนื้อเชื่อใจกัน การเคารพซึ่งกันและกัน และการสร้างผลประโยชน์ร่วมกัน ทุกฝ่ายจะต้องมีส่วนร่วมด้วย ซึ่งนายกฯ ออสเตรเลียได้ย้ำเช่นกันว่า อาเซียนคือหัวใจของภูมิภาคแปซิฟิกนี้
นอกจากนั้น ได้มีการหารือประเด็นภูมิภาคและโลก ที่อยู่ในความสนใจของทั้ง 2 ฝ่าย ได้แก่ การค้าคาบสมุทรเกาหลีและพัฒนาการสถานการณ์ในรัฐยะไข่ ผมได้เสนอให้มีการจัดตั้งกลไกที่จะส่งเสริมพื้นที่ปลอดภัยและการพัฒนาที่ยั่งยืนในรัฐยะไข่ให้เป็นเอกภาพจากบรรดาประเทศสมาชิก โดยจะต้องรับฟังความต้องการของรัฐบาลเมียนมาด้วย
ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดการแทรกแซงจากภายนอกได้ แก้ปัญหาของเราให้ได้โดยเร็ว และอาเซียนกันและกันอย่างมีประสิทธิภาพ ปีหน้านี้ ไทยจะได้รับหน้าที่เป็นประธานอาเซียน ทำให้เราต้องทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านต้อนรับประเทศต่างๆ ของอาเซียนตลอดปี รวมถึงการเป็นเจ้าภาพเอเปกในปี 2565 ด้วย ซึ่งรัฐบาลอยู่ระหว่างการเตรียมการอย่างดีที่สุด เพื่อให้เห็นความพร้อมของไทยและเป็นโอกาสในการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพและบทบาทของไทยเป็นผู้นำหลายด้านด้วย ผมขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนเป็นเจ้าบ้านที่ดีร่วมกัน เพื่อแสดงให้เห็นความน่าอยู่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศเราร่วมกันด้วย อยากฝากเป็นพิเศษ ถึงแม้ว่าการประชุมเอเปกจะมีผลในภูมิภาคก็ตาม ใครจะเป็นรัฐบาลก็ตาม เราต้องเตรียมการตั้งแต่บัดนี้ ได้ตั้งคณะกรรมการระดับชาติ เตรียมการประชุมทั้ง 2 ประชุม ปีหน้าประชุมอาเซียน ปี 65 ประชุมเอเปก ทั้งหมด ขอให้สานต่อกันต่อไป บ้านเมืองต้องสะอาดเรียบร้อยปลอดภัย มีเสถียรภาพ
อีกเรื่องที่สำคัญคือผมอยากให้ดูในวิดีทัศน์ที่ออกมาบ้านเมืองของออสเตรเลียด้วย และยิ่งพื้นที่ในบริเวณอ่าวซิดนีย์ ที่จัดระเบียบอย่างสวยงามเรียบร้อย มีทั้งสถานที่ออกกำลังกาย ท่องเที่ยว ร้านอาหาร เป็นระเบียบเรียบร้อย สวยงาม การดูแลกำจัดน้ำเสีย บรรดาน้ำที่ไหลจากบ้านพักต่างๆ มีวิถีการทำยังไงที่จะไม่ไกลลงคลอง หรือลงทะเล อันนี้เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เรื่องสิ่งแวดล้อม ถ้าบ้านเราสามารถทำได้ พื้นที่เป็นริมน้ำ ริมแม่น้ำ ริมคลอง เราอาจทำไม่ได้เหมือนเขาทั้งหมด แต่สิ่งที่เราควรต้องทำยังไง น้ำเสียจะไม่ไหลลงคลอง ต้องหาวิธีการที่เหมาะสม รื้อทั้งหมดเป็นไปไม่ได้ เราจะดักน้ำเสียที่ไหลลงคลอง ทำร่องน้ำต่างๆ ทั้งปิดและเปิดอย่างน้อยก็ทำทีละคลองๆ ได้หรือไม่ วันนี้ผมให้แนวทางไปพิจารณาแล้ว
การดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนๆ หลายอย่าง ต้องหาวิธีที่เหมาะสม นอกจากนั้น ประชาชนต้องร่วมมือด้วย
พี่น้องประชาชนที่รักทุกท่านครับ สัมพันธ์ไทย-ออสเตรเลียมีอย่างยาวนาน ซึ่งจะครบรอบ 70 ปี ในปี 2565 นี้ พอดีกับวาระเอเปก ซึ่งออสเตรเลียถือเป็นสัมพันธ์คู่ค้ากับไทยยาวนาน ในปี 2560 ไทยกับออสเตรเลียมีการค้ากันสูงถึง 500,000 ล้านบาท เป็นคู่ค้าอันดับ 9 ในปัจจุบันไทยมีทำความตกลงการค้ากับออสเตรเลียภายใต้อาฟต้า (AFTA) มีความตกลงอย่างกว้างขวาง และยังปรับปรุงเพิ่มการค้าระหว่างกันได้อีก
นอกจากนี้ ออสเตรเลียยังทำให้ไทยพร้อมในการเข้าร่วมทีพีพีเดิม โดยผมสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมการไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อจะขยายฐานการค้าให้กับผู้ประกอบการของไทย และโอกาสนี้ ผมเข้าหารือกับนายกฯ ออสเตรเลียด้วย ในประเด็นสัมพันธ์ไทย – ออสเตรเลียนั้น เชิญชวนนักลงทุนให้เข้ามลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก อีอีซี เราพร้อมดูแลอำนวยความสะดวกตัวแทนของภาคธุรกิจหารือร่วมกับผมด้วยถึงประเด็นปัญหาอุปสรรคที่ภาคเอกชนไทยประสบในออสเตรเลีย
ผมแนะนำให้นายกฯ ออสเตรเลียช่วยกันแก้ไข ดูแลด้วย และขอให้ดูแลชุมชนคนไทยเป็นจำนวนแสนคน และนักเรียนไทยเป็นหมื่นคนให้ด้วย ในการหารือนั้น ผมเชิญนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย เดินทางเยือนไทย ท่านก็ตอบรับว่าจะมาเยือนบ้านเราเร็ววันนี้ หลังว่างเว้นการหารือระดับผู้นำประเทศถึง 5 ปี และไม่ได้เยือนไทยยาวนานกว่า 20 ปี ของนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ถือเป็นสัญญาณการตอบรับที่ดีในชั้นต้น ว่าประเทศต่างๆ นั้น เริ่มเข้าใจเรามากยิ่งขึ้น เรามีภาพลักษณ์ที่ดี ขึ้นต่อเนื่องในสายตาต่างประเทศ โดยเฉพาะการตอบรับด้วยความจริงใจของรัฐบาลชุดนี้ ในการเข้าแก้ปัญหาหลายอย่างที่เป็นปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย เท่าที่เราสามารถทำได้
สำหรับความไว้วางใจของต่างชาตินี้ เป็นเรื่องน่ายินดี ที่คุณสุนันทา กังวาลกุลกิจ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลก WTO และ ทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) ได้รับเสียงสนับสนุนจาก WTO 164 ประเทศ ให้ดำรงตำแหน่ง ประธานองค์กรระงับข้อพิพาท และนับเป็นคนไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่ได้รับเกียรติให้ทำหน้าที่นี้ นับตั้งแต่มีการก่อตั้ง WTO เมื่อปี 2538 นานมาก โดยประธานในที่นี้ต้องยึดหลักความเป็นกลาง ช่วยให้สมาชิกมีข้อสรุปให้ทุกฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน และผลักดันให้กระบวนการระงับข้อพิพาท เป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพด้วย เป็นโอกาสอันดีที่ให้ต่างชาติ มองเห็นความสามารถของคนไทย และทีมงานไทย ในการเข้ารับตำแหน่ง ประธานองค์กรระงับข้อพิพาท ของ WTO ครั้งนี้ ถือว่า มีความสำคัญอย่างมาก เพราะตามแนวทางปฏิบัติของ WTO นั้นต้องก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งประธานคณะมนตรีใหญ่ WTO ในปี 2562 ซึ่งเป็นองค์กรระดับสูงสุดของ WTO ในการดูแลภาพรวมการดำเนินงานของประเทศสมาชิก เพื่อให้ทุกประเทศเกิดความมั่นใจและสร้างความเป็นธรรมทางการค้าระหว่างประเทศ
ผมขอให้ทีมงานประสบความสำเร็จ การทำงานราบรื่น และสร้างเกียรติยศให้กับประเทศไทยของเราด้วย ในประเทศไทยของเราจำเป็นต้องสร้างความมีเสถียรภาพ สร้างความเชื่อมั่นในประเทศของเราด้วย เพื่อสนับสนุนการทำงานดังกล่าวของท่านผู้แทนของเราที่เป็นประธานในครั้งนี้
ความสำเร็จทางด้านการทูต และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของรัฐบาลนี้ โดยรัฐบาล และ คสช. มีหลักการที่สำคัญ ก็คือ การเคารพในเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีซึ่งกันและกัน เราคงต้องแยก 2 คำนี้ให้ออก จะได้รักษาได้ถูกต้อง และประเทศเปรียบเสมือนเป็นคนศักดิ์ศรีมีอยู่กับตัวเรา เราต้องรักษาให้ได้ โดยการคิดดี พูดดี ทำดี ส่วนเกียรติิยศนั้นคนอื่นจะเป็นคนมอบให้ เมื่อเขาเห็นว่าเราเหมาะสมจะได้รับ หากเราไม่ยอมลดศักดิ์ศรีของตนลงไปทำในสิ่งที่ผิด ทุจริต ไม่รักษาสัตย์ ไม่มีคุณธรรม ไม่เคารพกฎหมายบ้านเมือง เราจะได้รับเกียรติในทุกสถาน
ผมเคยกล่าวกับพี่น้องประชาชนผู้ที่ตื่นใจในรายการนี้มานานแล้วว่า อย่าคิดว่าเป็นความผิดเล็กน้อยแล้วทำ หรืออย่าคิดว่าเป็นความดีเล็กน้อยแล้วไม่ทำ สำหรับรัฐบาลนี้ถือว่า ภารกิจทุกอย่างนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก เราต้องทำทุกเรื่อง เพราะเดิมพันคือ ความสุขของคนในชาติ จะเห็นว่าถ้่าทำแบบนี้มันใช้่เวลา และมันไม่ง่ายมากนัก ไม่เหมือนกับการทำอะไรง่ายๆ จบๆ ไปภายในไม่กี่วันไม่กี่เดือน เหล่านี้มันไม่ยั่งยืน
เพราะฉะนั้นเราจำเป็นต้องขับเคลื่อนทั้งในประเทศ และผลักดันในเวทีระหว่างประเทศ เพื่อจะแก้ปัญหาฟื้นออย่าคิดว่าเป็นความดีเล็กน้อยแล้วไม่ทำ สำหรับรัฐบาลนี้ถือว่า ภารกิจทุกอย่างนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก เราต้องทำทุกเรื่อง เพราะเดิมพันคือ ความสุขของคนในชาติ จะเห็นว่าถ้่าทำแบบนี้มันใช้่เวลา และมันไม่ง่ายมากนัก ไม่เหมือนกับการทำอะไรง่ายๆ จบๆ ไปภายในไม่กี่วันไม่กี่เดือน เหล่านี้มันไม่ยั่งยืน
เพราะฉะนั้นเราจำเป็นต้องขับเคลื่อนทั้งในประเทศ และผลักดันในเวทีระหว่างประเทศ เพื่อจะแก้ปัญหาฟื้นวิกฤตศรัทธา และความล้มเหลวในอดีตมากบ้าง น้อยบ้างที่เรารู้กันดีอยู่แล้ว ตามข้อเท็จจริงที่เราเห็นกันอยู่ ถ้าเราไม่สามารถรักษากติกาได้ เราคงจะลำบาก เราน่าจะจำกันได้ตั้งแต่ปัญหาการค้างานช้าง (ไซเตส) ปัญหาการประมงผิดกฎหมาย (ไอยูยู) ที่พยายามทำกันอยู่ในขณะนี้ ปัญหาการบินพลเรือน (ไอเคโอ) ที่สำเร็จไปแล้ว ทั้งหมดนั้นสะสมหมักหมมมายาวนานหลายสิบปี เราคลี่คลายมาโดยลำดับภายใน 3 ปี ที่ผ่านมาแม้หลายประเทศได้ลดระดับความสัมพันธ์กับไทย เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับที่มาของรัฐบาลนี้ ผมเข้าใจ เราเข้าใจ แต่เราได้พิสูจน์ถึงความจริงใจ โดยเชื่อมั่นและไว้ใจ ต่างชาติควรทบทวน และกลับมารักษาความสัมพันธ์อันดีที่เคยมีต่อกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านเศรษฐกิจ และด้านความมั่นคง อาทิ การส่งกำลังทหารมาร่วมฝึกคอบร้าโกลด์กับกองทัพไทยในจำนวนที่มากที่สุด เท่าที่เคยมีการฝึกร่วมกันมา ซึ่งเราจะว่ากันไปแล้วคือ การทูตแบบสุภาพบุรุษ ที่ไม่เป็นผิดเป็นภัยกับใคร คบหาพูดได้กับทุกฝ่าย มีสาระ มีความจริงใจ นับว่าเป็นการปิดทองหน้าองค์พระ ที่ไม่อาจจะสามารถทำสำเร็จได้เลย หากปราศจากการปิดทองหลังพระของฝ่ายความมั่นคง ของส่วนราชการต่างๆ ที่จะต้องรักษาเสถียรภาพในทุกๆ ด้าน โดยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดเป็นธรรม ตรงไปตรงมา ผมขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนทุกคนทุกฝ่าย กรุณาเห็นแก่บ้านเมือง มองเห็นอนาคตของประเทศ คาดหวังให้ดีกว่าเดิม มาร่วมมือ ร่วมใจกันทำในสิ่งสร้างสรรค์ สร้างบรรยากาศที่ปรองดอง เพื่อความมั่นคง มั่งคั่งอย่างยั่งยืนของพวกเรา และของลูกหลานในอนาคต
พี่น้องประชาชนที่เคารพครับ ผมยกตัวอย่างการพูดจาให้ข่าวในเรื่องการประมูล หรือจัดซื้อจัดจ้างต่างๆ อาจจะแยกได้เป็น 2 กรณี กรณีแรกหากยังไม่มีการดำเนินการใดๆ เลย เป็นแต่เพียงแนวคิด เป็นแนวทางแก้ปัญหา ซึ่งยังไม่มีอะไรชัดเจน หรืออยู่ในระหว่างการรวบรวมข้อมูล การศึกษาความเป็นไปได้ ไม่น่าจะนำมาวิพากษ์วิจารณ์มาก จนโครงการดีๆ หลายโครงการต้องพับไป มันแก้อะไรไม่ได้เหมือนเดิม ทั้งๆ ที่มันมีความจำเป็น หรือ สำคัญต่อความมั่นคงของส่วนรวมไม่ว่าจะเรื่องของแก้ปัญหาเรื่องน้ำ เรื่องป่า เรื่องการลงทุนอะไรต่างๆ ก็แล้วแต่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแพร่ข้อมูลในสื่อโซเชียล ซึ่งมันเป็นการใช้เทคโนโลยีที่เราจะต้องมีสติ ระมัดระวัง เพราะใครก็ได้ ต่างฝ่ายต่างให้ข้อมูล โดยไม่มีใครสามารถจะบอกได้ว่า ใครถูกใครผิด
ทั้งนี้ รัฐบาลและ คสช.เข้าใจถึงเจตนารมณ์ ซึ่งเป็นความปรารถนาดี แต่ขอให้พี่น้องประชาชนนั้น ที่มีเจตนาอันบริสุทธิ์ได้กรุณาตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล หรือรอคำชี้แจงต่างๆ เพื่อให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ สำรวจแหล่งที่มาของข่าวสารให้ดีเสียก่อน ไม่เช่นนั้นเวลาโพสต์ส่งต่อๆ ไป บางทีมันก็ทำให้เกิดความสับสนอลหม่านวุ่นวาย หรือคิดต่อไม่ได้ ทำอะไรต่อไม่ได้เลย ตราบใดก็ตามที่ยังไม่ได้มีการจัดทำคิวอาร์จากทางโครงการออกมา ยังไม่เกิดอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นหากมันเป็นข้อมูลเท็จ หรือเป็นข่าวสารที่ผ่านการปรุงแต่งบิดเบือน และมีผู้หนึ่งผู้ใดนำเข้าสู่ระบบ หรือโลกออนไลน์ อาจจะเป็นการกระทำผิดกฎหมาย และส่งผลเสียต่อสังคม และเกิดผลกระทบต่อผลประโยชน์ส่วนรวมด้วย
กรณีต่อมาเมื่อมีการอนุมัติจัดทำโครงการขึ้นมา แล้วเสนอแผนการดำเนินการที่ชัดเจนแล้ว ขอให้ติดตามความคืบหน้าจากการประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานเจ้าของโครงการ เพื่อให้ประชาชนรับรู้รับทราบช่วยกันเข้าไปดูแลเฝ้าระวัง ทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการรับฟังความคิดเห็น มีช่องทางสื่อสารที่เปิดกว้างไว้ให้เสมอ ปรากฏว่ามีหลายโครงการเกิดปัญหาในขั้นตอนการประมูล หรือหลังจากการประมูลแล้ว ที่มีผู้ชนะการประมูล และผู้ที่ไม่สมหวังในการประมูล ทั้งสองฝ่ายนั้นควรที่จะเคารพกติกา ถ้ารัฐทำ เจ้าของหน่วยงานเขาทำโครงการอกมาแล้วอย่างโปร่งใส ผู้ที่เข้ามาประมูลต้องยอมรับในกติกาเหล่านั้น ไม่ใช่ต่างฝ่ายต่างประมูลได้ ไม่ได้แล้วก็กล่าวให้ร้ายซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ประมูลไม่ได้ ต้องสำรวจหาข้อมูลที่แท้จริงโครงการเหล่านั้น จะต้องถูกตรวจสอบ ทำให้เกิดความชักช้าเสียเวลา ถ้าไม่ใช่ข้อเท็จจริง รัฐบาล คสช. และองค์กรอิสระอื่นๆ นั้นจะไม่ปล่อยไว้ จะเข้าไปตรวจสอบทุกอันตามกฎหมาย หากตรวจพบว่ามีการทุจริต ไม่ว่าจะโดยข้าราชการ เอกชนนักธุรกิจ หรือประชาชนเองก็ตาม ที่ร่วมมือกันทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เจตนาหรือไม่เจตนา หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ต้องอาศัยกฎหมาย อาศัยกระบวนการยุติธรรมปกติที่มีอยู่แล้วในการตัดสินชี้ถูกชี้ผิด เราทุกคนต้องร่วมมือกันแก้ปัญหาทุจริต ป้องกันดีกว่าแก้ไข วันนี้เห็นไหม มีตั้งหลายเรื่องหลายหน่วยงานที่มีปัญหาในเรื่องนี้นะครับ เราต้องป้องกัน ป้องกันโดยใคร ป้องกันโดย
1. ต้องใช้กฎหมายใช้กฎระเบียบดำเนินการให้ถูกต้อง
2. ผู้บังคับบัญชาต้องกำกับดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา หน่วยงานในพื้นที่ต้องเข้าไปลงรายละเอียด ไม่ว่าจะการก่อสร้าง ในเรื่องของการตรวจรับอะไรต่างๆ มีปัญหาทุกวัน แสดงว่าสิ่งเหล่านี้เข้าไปในสังคม ในการทำงานมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนานเกินไปแล้ว เพราะฉะนั้นรัฐบาลนี้จะไม่ปล่อยไว้นะครับ จะไม่นิ่งนอนใจ เราจะต้องช่วยกันสร้างความไม่โปร่งใสให้ได้ ต้องช่วยกัน ไม่มีฝ่ายใดจะแก้ไขได้แต่เพียงฝ่ายเดียว นายกรัฐมนตรี รัฐบาล หรือส่วนราชการ ไม่ได้หรอก เพราฉะนั้นเราต้องร่วมมือกันในลักษณะประชารัฐด้วยกัน การแก้ไขปัญหาการทุจริต
ปัจจุบันรัฐบาลมีช่องทางรับเรื่องราวร้องเรียน เพื่อรับฟังข้อมูลจากทุกคนทุกฝ่ายทั้งสายด่วน 1111 ของรัฐบาล สายด่วน 1567 ศูนย์ดำรงธรรมของกระทรวงมหาดไทย หรือสายด่วน 1299 ของ คสช. แล้วก็มีศูนย์ดำรงธรรมทุกจังหวัดทุกพื้นที่ ขอให้ใช้ช่องทางต่างๆ เหล่านั้นจะดีที่สุด ร้องไปถ้าไม่ได้รับการแก้ไข ติดต่อ ขอให้ทำมาอีกครั้งหนึ่ง อาจจะส่งมาสำนักนายกรัฐมนตรีก็ได้เรื่องใหญ่ๆ สำคัญๆ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ขอให้ส่งทางหน่วยงานจะดีกว่า เพราะนายกรัฐมนตรีจะได้แก้ไขในโครงการใหญ่ๆ ที่เป็นปัญหา เพราะเรื่องเล็กๆ นั้นเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ เรื่องของหน่วยงานระดับผู้ปฎิบัติจะต้องแก้ไขอยู่แล้ว เร็วๆ นี้ เราจะเปิดช่องทางใหม่สายด่วนไทยนิยมในรูปแบบแอปพลิเคชันบนมือถือ เว็บไซต์ และเฟซบุ๊ก ที่ตอบสนองความสะดวก และรวดเร็วของพี่น้องประชาชน ที่มีมือถือกันแทบทุกคน ขอให้ติดตามข่าวสารกัน
ขอย้ำอีกครั้งว่า การทุจริตที่ตรวจสอบพบ จากข้อร้องเรียนของภาคประชาชน รัฐบาล และ คสช. นั้น จะดำเนินการให้ทุกเรื่อง ขอให้อย่าเป็นการกลั่นแกล้ง หรือเป็นการทำให้เกิดปัญหาในเรื่องของการบริหารราชการแผ่นดินเลย เพียงแต่ว่าขอข้อเท็จจริงขอพยานหลักฐานพอสมควร ให้เกิดความกระจ่างชัดจะได้ดำเนินการต่อได้ เราจะต้องทำให้เป็นธรรมตามขั้นตอน ตามกระบวนการ และข้อกฎหมาย ซึ่งอาจจะมีหลายเรื่องในเวลานี้ ไม่ใช่ว่าจะนิ่งนอนใจ เราจำเป็นต้องใช้กระบวนการตรวจสอบที่โปร่งใส และเป็นธรรมทั้งกับผู้ร้อง และผู้ถูกกล่าวหาตามกฎหมายที่มีอยู่
พี่น้องประชาชนที่เคารพครับ เมื่อวานนั้นผมได้ไปตรวจราชการที่ จ.หนองบัวลำภู เพื่อติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลของข้าราชการในพื้นที่ ตลอดจนรับฟังปัญหาต่างๆ ทั้งความต้องการ และปัญหาของประชาชนในพื้นที่ด้วย ได้มีโอกาสได้ร่วมเวทีประชาคมหมู่บ้าน ตอนนี้เขามีการทำเวทีประชาคมหมู่บ้านครั้งที 2 จากการทำงานของชุดทำงานลงไปของโครงการไทยนิยมยั่งยืน ซึ่งมีผู้นำท้องถิ่นและประชาชนในพื้นที่กว่า 300 คนเข้าร่วมและให้การต้อนรับอยางอบอุ่น ขอบคุณมาก เป็นโอกาสดีที่ผมได้จับเข่าคุยกัน พูดกันต่อหน้า เพื่อจะะรับทราบปัญหา และความต้องการจากปากพี่น้องประชาชนโดยตรง ไม่ใช่งานการเมือง เป็นการทำงานลักษณะประชารัฐ เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีรายได้น้อยที่สุด เป็นอันดับที่ 76 อาทิ เรื่องน้ำกินน้ำใช้ ความต้องการประปาหมู่บ้าน แก้ไขซ่อมแซมที่สะอาด ถูกหลักอนามัย ให้ทุกคนมีสุขภาพดี มีแรงทำงานเพื่อครอบครัว ไม่ป่วยไข้ ไม่ต้องเสียเงินรักษาพยาบาลโดยไม่จำเป็น การขุดลอกคูคลอง ขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรนอกฤดูกาล กลุ่มทอผ้าได้ขอให้จัดหาสถานที่แสดงสินค้า ซึ่งก็คงต้องนำรูปแบบตลาดประชารัฐ เข้ามาบริหารจัดการช่วยด้วย
ประเด็นปัญหาและข้อเสนอเหล่านั้น ก็จะถูกบรรจุไว้ในโครงการไทยนิยมยั่งยืน ซึ่งมีกลไกระดับล่างดูแล และติดตามการทำงาน อย่างใกล้ชิดต่อไป โดยมีหลักการบริหารโครงการไทยนิยมยั่งยืนที่สำคัญ คือ การบริหาร 2 ทาง ทั้งจากบนลงล่าง และจากล่างขึ้นบน ปรับให้ตรงกัน โดยการรับฟังปัญหาจากพื้นที่ เหมือนในวันนี้
นอกจากนี้ การพัฒนาไทยนิยมยั่งยืนจะเป็นกลจักรขับเคลื่อนประเทศ โดยมีประชาชนเป็นแกนกลาง และการระเบิดจากข้างใน เข้มแข็งด้วยตัวเอง แทนการขับเคลื่อนประเทศด้วยนโยบายทางการเมือง แล้วก็มีตัวแทนในพื้นที่ ก็ไม่เท่าเทียม ก็มีความเหลื่อมล้ำ ในเรื่องของการกระจายรายได้ การสร้างนวัตกรรม อะไรก็แล้วแต่ อย่างเช่นที่ผ่านมา ดังนั้น คนไทยทุกคนต้องช่วยกัน ผมอยากให้เข้าใจว่า รัฐบาลกำลังสร้างสถาปัตยกรรมในการแก้ปัญหาความยากจน ของไทยเอง ที่เรียกว่าไทยนิยมยั่งยืน
เราจะต้องเริ่มจากการสร้างหลักคิดที่ถูกต้อง อาทิ เห็นประโยชน์จากการปลูกพืชที่หลากหลาย แทนการปลูกพืชเชิงเดี่ยว ที่ราคานับวันจะตกต่ำ ถ้าเราปลูกมากเกินไป การปลูกพืชอินทรีย์ซึ่งมีราคาสูงเป็นที่ต้องการของตลาด ก็มีขั้นตอนก่อนจะไปเป็นพืชอินทรีย์ เรามีเกษตรปลอดภัย มี GAP เหล่านี้ ท้ายสุดก็ไปสู่เกษตรอินทรีย์อย่างเต็มรูปแบบ คือ การไม่ใช้สารเคมีเลย ก็ขอให้ติดตามในเรื่องเหล่านี้ด้วยราคาจะต่างกันทั้งหมด ทั้งในและนอกประเทศ
การทำเกษตรแปลงใหญ่ เพื่อจะลดต้นทุนการผลิต เพิ่มอำนาจในการต่อรอง ส่งเสริมการรวมกลุ่มทำกิจกรรมเป็นที่มาของความสามัคคีปรองดองในหมู่คณะ การส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน หาอัตลักษณ์ หรือสร้างขึ้นมา อัตลักษณ์ประจำท้องถิ่น หาจุดขาย ขยายจุดเด่น สร้างเรื่องราว Story ที่เราเคยพูดกันบ่อยๆ เสมอ สร้าง Storyให้ได้ที่ไม่เหมือนใคร คนที่ผ่านมาก็จะแวะ พื้นที่นั้น เพื่อจะท่องเที่ยว หรือไม่ก็ไม่ผ่านเลยไปเหมือนเดิม กลายเป็นเมืองผ่านทั้งหมด สิ่งสำคัญๆ ในพื้นที่ก็เลยไม่ได้ปรากฏออกมา เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องที่ในท้องที่ต้องเริ่มเองก่อนด้วย
สร้างการท่องเที่ยวภายในชุมชนของเราเองโดยคนในประเทศของเราเอง โดยคนในพื้นที่ของเราก่อน แล้วก็จะสร้างแพร่กระจายออกไปในการประชาสัมพันธ์ไปภายนอก รัฐบาลก็จะไปเติมเต็มเหล่านั้น เพราะฉะนั้นทุกคน ทุกพื้นที่ก็มีโอกาสจะได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวเหล่านั้น ทุกคนควรมีส่วนร่วมในกิจกรรมเพื่อชุมชนและสังคมของตน ต้องใส่ใจสิทธิของตัวเอง ต้องรู้ว่าเราได้สิทธิอะไรบ้าง จะได้ไม่มีใครมาหาประโยชน์จากสิทธิของเรา เช่นที่กำลังสอบสวนกันอยู่วันนี้ หลายคนไม่ทราบว่าตัวเองจะได้สิทธิเท่าไร อย่างไร ขอให้เพียงรับเงินอย่างเดียว ไม่ถูกต้อง ต้องช่วยกัน 2 ทางจะได้ไม่ทุจริตกันอีกต่อไป รัฐบาลมีหน้าที่ทำงานเพื่อประชาชน จากการดูแลผู้มีรายได้น้อย สร้างความเข้มแข็งแก่ เพิ่มขีดความสามารถของประชาชน ประเทศก็จะได้ตามไปด้วย
ในส่วนของโครงสร้างพื้นฐาน ความปลอดภัยบนท้องถนน น้ำอุปโภค บริโภค น้ำประปา น้ำบาดาล ที่ขอมา เราก็จะรีบจัดการโดยเร็ว อาจจะต้องใช้งบประมาณอื่นเข้าไปเสริมด้วย
สำหรับโครงการไทยนิยมยั่งยืนนั้น ก็ขอให้นักศึกษา อสม. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และ อปท. ช่วยกันให้ความร่วมมือ เข้าไปร่วมด้วยกับคณะทำงานในแต่ละพื้นที่ของตน เพราะหลายอย่างนั้นใช้งบของไทยนิยม หลายอย่างใช้งบของฟังก์ชั่น คืองบของรายจ่ายประจำ หลายอย่างก็ไปใช้งบของงบสะสมของท้องถิ่น เพราะฉะนั้นทุกคนต้องมีส่วนร่วม ไม่อย่างนั้นไม่ทราบว่าจะทำอะไรยังไง ก็ไม่เกิดการสอดประสานบูรณาการกัน ก็ไม่เกิดผลสัมฤทธิ์ขึ้นมาเหมือนเดิม ใช้เงินไป แล้วก็ไม่เกิดประโยชน์
เพราะฉะนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ นายกท้องถิ่น แต่ละระดับ ก็ขอให้ ร่วมมือกันให้มีการบริหารจัดการให้ได้ ในการจัดทำโครงการ แล้วก็ใช้จ่ายงบประมาณตามวัตถุประสงค์ทุกประการ เพื่อให้เกิดหลักคิดและสร้างกลไก ประชารัฐ ในการช่วยกันทำงานพัฒนาบ้านเมือง ประเทศชาติ ให้ตอบสนอง ตรงความต้องการของประชาชน ในแต่ละพื้นที่ให้ได้โดยเร็ว เราจะมานั่งแก้ปัญหาเดิมๆ กันตลอดไป 10 – 20 ปี ไม่ไหวแล้ว เราต้องไปทำกิจการใหม่ๆ แก้ปัญหาเรื่องใหม่ๆ อันนี้เราแก้มาไม่รู้กี่สิบปีแล้ว เป็นประชาธิปไตยมา 80 กว่าปี แล้ว บางอย่างยังแก้ไม่ได้ ต้องช่วยแก้วันนี้แล้ว วันหน้าเราจะได้ทันคนอื่นเขา หรือนำเขาบ้าง
สุดท้ายนี้ เราพูดเรื่องทุจริตมาก็บ่อยแล้ว หลายคนจะสึกว่าไม่ปลอดภัยกับบ้านเมืองของเราเอง บางครั้งต่างประเทศก็ไม่ไว้ใจ เพราะฉะนั้นเราต้องแยกแยะให้ออก ว่าอะไรคือเรื่องของการตรวจสอบ ไม่ใช่พูดกันเสียหาย ก็คงจะมีดีๆ อยู่เยอะแยะ มากกว่าสิ่งที่ไม่ดี ต่างชาติเขาก็ดูอยู่ การลงทุนอะไรต่างๆ ก็กำลังเกิดขึ้น เราอาจจะหวังดี พูดกันไปกันมา บางทีก็เสียหาย ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปทั้งหมด
อย่างเช่น ภาคใต้วันนี้ก็ปลอดภัย ก็มีปัญหาอยู่บางพื้นที่เท่านั้นเอง แต่ก็มีความเสียหายอยู่ เพราะฉะนั้นคนใต้เองเขาก็บอกว่า ประชาสัมพันธ์ หรือออกข่าวไปมาจนกระทั่งทุกคนไม่ค่อยเชื่อมั่นในความปลอดภัย ภาคใต้จริง ๆเขาบอกว่ามีบางพื้นที่เท่านั้นเอง นี่คนใต้เขาพูดมา เพราะฉะนั้น อะไรก็ตาม อาจจะด้วยเจตนาดี พอพูดไปมากเกินไป บางทีก็มีผลเสียกับคนในพื้นที่ด้วย
จริงๆ แล้วทุกอัน มีทั้งเรื่องราวดีๆ มากมาย เรื่องเสียก็มีอยู่บ้าน ก็อยู่ในสื่อกระแสหลักที่ดีๆ และสื่อโซเชียล เช่น เด็กไทย 6 คน เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี เก็บกระเป๋าที่มีเงินสด และมือถืออยู่ข้างใน นำส่งตำรวจ เพื่อติดตามหาเจ้าของ แล้วก็ทราบว่าเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ผมเห็นว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจ เรื่องการทำดีที่เป็นไทยนิยม คือนิยมทางความดี เพื่อตัวเองและเพื่อคนอื่นแล้ว แต่เสียดายที่ระบุชื่อ เยาวชนตัวอย่าง เพียง 2 ใน 6 เท่านั้น คือ ด.ช.ณัฐพงศ์ สนโต และ ด.ช.พิทักษ์พงษ์ มนตรีสวัสดิ์ ส่วนอีก 4 คนนั้น ก็อยากประกาศให้ แต่เนื้อข่าวเขาไม่ระบุไว้ ทั้งนี้ ก็เป็นเรื่องที่น่าชื่นชม ก็อยากให้สื่อกรุณาระบุชื่อให้ครบทุกคน ถ้าทำความดีเป็นกลุ่ม ดีกว่าไปเสนอข่าวที่ไม่เหมาะสม บางทีไม่เกิดประโยชน์
ผมขอชื่นชม คุณพัชรมณฑ์ เสวะนา ซึ่งมีความบกพร่องทางร่างกาย มีความอุตสาหะ หาความรู้ใส่ตัวจนได้รับพระราชทานปริญญาบัตร ใบที่ 2 เป็น มหาบัณฑิต คณะนิติศาสตร์ ก็ขอให้เป็นตัวอย่างให้กับหลายคน ขณะนี้ก็สามารถออกมาประกอบอาชีพ ไม่เป็นภาระ แต่ทำประโยชน์ให้สังคมได้ ในอนาคต ก็ขอเป็นกำลังใจให้ด้วย
มีอีกเรื่อง ที่น้อยคนจะรับรู้ว่าว่ามีคนไทยหนึ่งเดียว ที่ผ่านการคัดสรร นักวิ่งแนวดิ่ง เพียง 129 คน จากทั่วโลก เข้าร่วมการแข่งขัน วิ่งขึ้นหอไอเฟล เมื่อวันที่ 16 มีนาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นรายการที่เก่าแก่ที่สุดในโลก 100 กว่าปี มาแล้ว ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1905 ได้แก่ คุณอำนาจ พรหมภินันท์ อายุ 66 ปี เกิน 60 แล้ว ชาวจังหวัดชุมพร ทำงานเป็นหัวหน้าพนักงานดูแลความปลอดภัย ในอดีตจะเคยดื่มเหล้าสูบบุหรี่จัดวันละซอง จนโรครุมเร้า แต่ตัดใจเลิกได้ทุกอย่าง เมื่อ 30 ปีที่แล้ว หันมาออกกำลังกาย วิ่งอย่างจริงจัง จนสุขภาพร่างกายแข็งแรงมาก เป็นแชมป์วิ่งขึ้นตึกใบหยก มาหลายรอบ
ก็เลยอยากฝากให้พี่น้องประชาชนได้ร่วมชื่นชม เป็นตัวอย่างของบุคคลที่ดูแลสุขภาพตัวเอง อย่าไปคิดว่าวันนี้เรามีระบบประกันสุขภาพ มีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาพยาบาลฟรี แล้วก็เลยไม่ต้องดูแลตัวเอง ไปรอให้หมอรักษา ไม่เหมือนกันนะ ถ้าไม่หาหมอเลยจะดีกว่า ช่วยรัฐบาลด้วย ในการใช้จ่ายงบประมาณ จะได้ไปหาคนที่มีความเจ็บป่วยเดือดร้อนจริงๆ ได้มากขึ้น
สำหรับเรื่องนี้ ผมมีความคิดต่อยอดอย่างไรนั้น อยากจะขอให้รอฟังในวันศุกร์หน้า เราต้องใช้เวลาในการอธิบายความคิดของผม จากจุดเล็กๆ นี้ เพื่อจะให้สามารถนำไปสู่นโยบายการปฎิบัติเพื่อบริหารประเทศต่อไปได้ ขอบคุณนะครับ ขอให้ทุกครอบครัวมีความสุขปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน
Cr.mgronline
สำนักข่าววิหคนิวส์