“บิ๊กตู่” ยัน กม.ไม่ได้มีไว้แกล้งใคร ไม่ใช่แค่คนจนติดคุก เพราะคนรวยหนีได้ เหน็บ
“บางคนผิด ไม่ผิด ยังไม่รู้ แต่ก็หนีแล้ว ชี้เลิกคดี เพื่อปรองดองไม่ได้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. กล่าวว่า วันนี้เราต้องทำให้บ้านเมืองเป็นปกติ มีสันติสุขเกิดขึ้นให้กับคนในชาติ หลายคนบอกว่ารัฐบาลไม่ทำอะไร ผมจะทำได้อย่างไร จะไปสั่งให้คนเลิกทะเลาะกันได้หรือไม่
หรือจะสั่งให้ศาลยุติธรรม ยกเลิก ให้อภัยกันทั้งหมด มันทำได้หรือไม่ ซึ่งมันทำไม่ได้ ประเทศไหนก็ทำไม่ได้
“ผมถามสถานทูต เอกอัครราชทูต ของแต่ละประเทศว่าทำได้หรือไม่ เขาตอบว่าทำไม่ได้ หากเราจะยกเลิกเพื่อการปรองดองทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นคดีความ หรือเรื่องอะไรต่างๆก็ตาม
รวมไปถึงคดีอาญา คงต้องยกเลิกให้ผู้ต้องหาออกมาทั้งหมด มันทำไหม ไม่มีประเทศไหนทำได้ ไปหามาประเทศไหนทำได้ ให้บอกผมมา
สิ่งสำคัญในวันนี้ต้องใช้กระบวนการยุติธรรมเป็นส่วนหนึ่งในการเข้าถึงสิทธิมนุษยชนด้วยความเป็นธรรมอย่างทั่วถึง
“ไม่ใช่มาบอกว่าคนจนติดคุก คนรวยไม่ติดคุก มันติดคุก ทุกคนแหละ อยู่ที่ว่าจะอยู่ให้ติดหรือจะหนีไป เรื่องจริงมันเป็นอย่างนั้น ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครคิดหรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้น
แต่สิ่งสำคัญเราโดนมองแล้วว่า ถ้าเราไปทำอะไรก่อนที่คดีความจะตัดสิน โดยที่เราไปแพ่งเล็งใคร ก็จะโดนกล่าวหาเรื่องสิทธิมนุษยชนอีก นี่คือความขัดแย้งการทำงานให้กับเจ้าหน้าที่ ถ้าทำอะไรขณะที่ยังไม่มีเรื่องมีราว เพียงแค่นำเข้าสู่กระบวนการยังแตะอะไรกันไม่ได้เลย อันนั้นคือความยากง่ายของเจ้าหน้าที่ในการทำงาน จึงอยากเรียนไว้ตรงนี้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราจะต้องมีความรัก ความสามัคคี รู้สิทธิหน้าที่ เคารพสิทธิซึ่งกันและกัน โดยไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น คนไทยต้องรู้กฎหมายว่าเป็นอย่งไร เราเกี่ยวข้องตรงไหน ถ้ามองเพียงว่ารัฐธรรมนูญมีกว่า 300 มาตรา แล้วทำได้ทุกอย่าง แบบนี้จะทำอะไรคงไม่สำเร็จ สิทธิมนุษยชนเองก็ทำไม่ได้ จึงต้องดูตรงนี้ด้วย เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่จะร่วมมือกัน
” และกฎหมายไม่ได้มีไว้เล่นงานคนดี กฎหมายไม่ได้มีไว้ ทำให้เกิดความไม่เท่าเทียม แต่กฎหมายมีไว้คุ้มครองคนทุกคนให้มีโอกาสให้เข้าสู่ประโยชน์ของทรัพยากร ”
“กฎหมายไม่ได้มีไว้แกล้งใคร เพียงแต่ใครก็ตามที่ทำผิดกติกาเหล่านั้น ก็ต้องถูกพิจารณาในกระบวนการยุติธรรม ถ้าไม่มีสาเหตุ ไม่มีเรื่อง ไม่มีหลักฐาน ไม่มีใครทำอะไรได้ เขาก็สู้คดีกันเยอะแยะไป บางครั้งอาจจะไม่ตรงกับสิ่งที่สังคมตัดสินไปแล้ว เพราะวันนี้เราตัดสินกันเองเยอะแยะ โดยตัดสินกันด้วยความรู้สึก ตัดสินกันด้วยระบบโซเชี่ยล และตัดสินกันทางสื่อ จนเกิดความวุ่นวายไปหมด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้มีความแตกต่างเรื่องการดำรงชีวิต ตรงนี้จะต้องดูแลกัน ไม่เช่นนั้นจะเกิดความวุ่นวายไปหมด คนจนติดคุก คนรวยไม่ติดคุก เพราะคนจนหนีไปไหนไม่ค่อยได้ใช่ไหม ยอมรับตรงนี้สิ เราก็ต้องดูแลเขาว่าจะทำอย่างไร ถ้าเขาผิดก็ต้องติดคุก แต่เขาไม่หนี เพราะหนีไม่ได้ ไอ้บางคนผิด ไม่ผิดยังไม่รู้ แต่ก็หนีแล้ว อย่างนี้คิดว่ามันไม่ใช่ อย่าไปสร้างความรู้ผิดๆแบบนี้
“นี่ผมไม่ได้พูดถึงใครเลยนะ เดี๋ยวจะหาว่าผมไปว่าใครอีก ผมพยายามไม่ยุ่งเกี่ยวอยู่แล้ว เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม
แต่อย่ามายุ่งกับรัฐบาลและคสช.มากเกินไป ต้องนึกถึงสิ่งดีๆที่จะเกิดขึ้น ทุกอย่างเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม จบหน้าที่ผมแล้ว และเรื่องนี้ผมไม่ได้ทำขึ้นมาใหม่ แต่เป็นเรื่องเดิมที่นำเข้าสู่กระบวนการ เพื่อจะได้จบเสียที ปัญหาใหม่ก็ยังรออยู่อีก คนทำผิดวันหน้าก็มีอีก” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ต้องย้อนกลับไปดู 70 ปีที่แล้ว ประเทศไทยมีการพัฒนาตามลำดับนั่นคือยุทธศาสตร์ภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา พระองค์รับฟังปัญหาด้วยพระองค์เอง และหาแนวทางช่วยเหลือพัฒนา ประเทศไทยถึงเดินหน้ามาถึงทุกวันนี้ ฉะนั้นอย่าลืมของเดิมประวัติศาสตร์ของไทย วันนี้หลายคนพยายามไม่ภาคภูมิใจ แต่จะไปสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ ซึ่งมันคนละเรื่องกัน จึงขอฝากให้ทำความเข้าใจในการศึกษาของเยาวชนด้วย
เราต้องหาวิธีการทำงานร่วมกันให้ได้เพื่อให้ไม่มีความขัดแย้งกัน ส่วนใหญ่คนเรามักเชื่อมั่นว่าตัวเองถูกเสมอ แต่ตนไม่คิดว่าตัวเองถูกตนจะฟังก่อนเสมอ บางครั้งอาจจะเร็วไปบ้าง
จากนั้นผมก็จะมาทบทวน อันไหนใช่ไม่ใช่ก็มาทบทวนและปรับปรุงตัวเอง ไม่ใช่ว่าผม โลเล แต่เราต้องลดปัญหาให้ได้ก่อน บางคนชอบอะไรแรงๆ ขอถามว่าแรงแล้วมันได้อะไรขึ้นมา ขอให้กฎหมายเขาได้ทำงาน ผมมีหน้าที่บริหารและรักษาความสงบเรียบร้อย ทำให้บ้านเมืองเกิดความสันติสุขและสร้างบรรยากาศในการปรองดอง เว้นบางคนที่ไม่อยากปรองดองก็ปล่อยเขาไป ในรัฐธรรมนูญปี 2560 ระบุไว้ว่าศักดิ์ศรี สิทธิเสรี และความเสมอภาคของบุคคลย่อมได้รับความคุ้มครอง หน้าที่ของทุกคนคือต้องคุ้มครองเขาด้วยเป็นการคุ้มครองทุกคน
เป็นหน้าที่ของทุกคนไม่ใช่ของผมคนเดียว อะไรก็ประยุทธ์ๆอย่างเดียวก็ไม่ใช่
ผมเป็นผู้นำในการบริหารและแก้ไขปัญหา ผมไม่ใช่ผู้นำเรื่อยเปื่อยส่งเดช”
Cr : วาสนา นาน่วม
สำนักข่าววิหคนิวส์