รัฐบาลสิงคโปร์จัดให้มีการประหารชีวิตนักโทษต้องคดีลักลอบขนยาเสพติดด้วยการแขวนคออีก 2 ราย เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ส่งผลให้ยอดผู้ถูกประหารชีวิตในรอบ 4 เดือนที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเป็น 10 ราย ท่ามกลางเสียงเรียกร้องจากนานาชาติให้สิงคโปร์ยกเลิกโทษประหาร
กรมราชทัณฑ์ของสิงคโปร์เปิดเผยในวันเดียวกันนี้ว่านักโทษชาวสิงคโปร์ทั้ง 2 คน คือ อับดุล ราฮิม ชาปี วัย 45 ปี และออง ซอว์ ปิง วัย 49 ปี ถูกประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ โดยรายละเอียดระบุว่า ชาปี อดีตคนขับรถส่งของถูกตัดสินให้มีความผิดฐานขนเฮโรอีน น้ำหนัก 39.87 กรัม ขณะที่ออง เป็นผู้ต้องหาร่วมในคดีเดียวกันก็ถูกตัดสินให้มีความผิดฐานขนเฮโรอีน น้ำหนัก 51.69 กรัมด้วยเช่นกัน
การประหารชีวิตนักโทษทั้งสองคนส่งผลให้จำนวนนักโทษที่ถูกประหารนับตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม เพิ่มขึ้นเป็น 10 รายแล้ว ในจำนวนนี้รวมไปถึงการประหารชีวิตชายที่มีระบบการรับรู้จำกัดเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา การประหารชีวิตที่ส่งผลให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาจำนวนมากด้วย
ทั้งนี้ สิงคโปร์ เป็นหนึ่งในประเทศที่มีกฎหมายยาเสพติดที่รุนแรงที่สุดในโลก และยังคงยืนยันว่าโทษประหารนั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้ปัญหาการลักลอบขนยาเสพติดในประเทศนั้นลดน้อยลง แม้ว่ากลุ่มสิทธิมนุษยชนนานาชาติจะเรียกร้องให้จำกัดโทษประหารลง หรือให้ยกเลิกไปเลย โดยให้เหตุผลว่า โทษประหารนั้นไม่มีข้อพิสูจน์ว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันอาชญากรรม และไม่สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนนานาชาติ ที่เปิดทางให้มีโทษประหารสำหรับอาชญากรรมร้ายแรงเท่านั้น