ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » #ประเดิม9คน ! แกนนำปลดแอกเจอ ม.112

#ประเดิม9คน ! แกนนำปลดแอกเจอ ม.112

22 November 2020
905   0

    “ประยุทธ์” ชื่นชมการแสดงพลังทำความสะอาดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจรับกำลังรวบรวมข้อมูลฟันแกนนำ 9 รายผิดมาตรา 112 ชี้สัปดาห์หน้าประเดิมหมายเรียก-หมายจับเหตุปะทะเกียกกาย โพลประจานกลุ่มราษฎรเละ เผด็จการยิ่งกว่าบิ๊กตู่ ซ้ำร้ายยังทำลายภาษีราษฎรด้วย “ม็อบนักเรียนเลว” คึกคักแม้ฝนถล่ม “แอมเนสตี้” โผล่แจกริบบิ้นแยกอายุให้ผู้ชุมนุม  อึ้ง! เพนกวินโผล่นัดชุมนุมเบิ้มๆ ที่ถนนอักษะ ชิมลางก่อน 25 พ.ย.
    เมื่อวันเสาร์ที่ 21​ พ.ย. นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้แสดงความชื่นชมอาสาสมัครและประชาชนทั่วไป รวมทั้งให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ได้ช่วยกันทำความสะอาดพื้นที่ ทาสีใหม่ และทาสีทับสีที่พ่นข้อความไม่เหมาะสมในส่วนต่างๆ ของสถานที่ราชการ พื้นที่สาธารณะ รวมถึงส่วนของเอกชนด้วย หลังจากที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมได้รวมตัวกันบริเวณสี่แยกราชประสงค์ และหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติเมื่อวันพุธที่ผ่านมา และได้ทำความเสียหายแก่ทรัพย์สินของทางราชการ เอกชน และพื้นที่สาธารณะ
    “นายกฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกอย่างมีขอบเขตภายใต้กฎหมาย และการแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ เนื่องด้วยที่ผ่านมากลุ่มผู้ชุมนุมได้มีพฤติกรรมต่างๆ ที่ไม่เหมาะสม เข้าข่ายผิดกฎหมาย และอาจนำไปสู่ความเสียหายต่อประเทศชาติและสถาบันอันเป็นที่รักยิ่ง รวมทั้งความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยทั่วไป รัฐบาลจึงจำเป็นต้องดำเนินการต่างๆ เพื่อให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมของประเทศ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย บนพื้นฐานของการรักษาบรรยากาศของความรัก ความสามัคคีปรองดองของทุกคนในชาติ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของบ้านเมืองและประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศเป็นสำคัญ”นายอนุชากล่าว
    ด้าน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมคณะ ได้ตรวจเยี่ยมกิจกรรม Cleaning Day สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกิจกรรมมีการนำข้าราชการตำรวจชุดควบคุมฝูงชนมาร่วมกันทำความสะอาดป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ บริเวณภายใน ตร.และโดยรอบพื้นที่ 
    พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร. กล่าวว่า กิจกรรมทำความสะอาดครั้งนี้ ใช้กำลังพล 827 นาย มีบางส่วนมาจากชุดควบคุมฝูงชนที่มาประจำการอยู่ที่นี่ ถือเป็นการทำความสะอาดบ้านตัวเอง ภายหลังมีคนมาจัดกิจกรรมที่หน้าบ้านจนเกิดความเสียหายหลายส่วน โดยเฉพาะประตูรั้ว ป้าย ตร. ซึ่งเมื่อวันที่ 20 พ.ย. มีภาคประชาชนมาช่วยทำความสะอาดแล้ว เราก็มาเก็บตกต่อไป ส่วนเรื่องคดีความ ขณะนี้ สน.ปทุมวันกำลังรวบรวมข้อมูลจากส่วนต่างๆ พร้อมพิสูจน์ด้วยระบบเทคโนโลยีก่อนเร่งดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
    พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) กล่าวถึงกระแสข่าวการออกหมายจับผู้ชุมนุมวันที่ 17-18 พ.ย. ในข้อหาตามมาตรา 112 ว่าหากมีการกระทำผิดเข้าองค์ประกอบตามกฎหมายข้อใดก็เป็นความผิดตามกฎหมายข้อนั้น พนักงานสอบสวนก็จะออกหมายเรียก หากผู้ต้องหามีพฤติกรรมที่จะหลบหนีไม่มามอบตัว มีพฤติกรรมร้ายแรงและมีอัตราโทษที่ออกหมายจับได้ พนักงานสอบสวนก็จะขอหมายจับในแต่ละข้อหาที่เกิดขึ้น
รวบข้อมูลฟัน 9 รายพัน 112
    สำหรับการแชร์ภาพข้อความระบุว่าจะดำเนินคดีในความผิดตามมาตรา 112 กับแกนนำ 9 คน เรื่องนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐาน หากพบว่าเข้าข่ายก็ต้องดำเนินคดี ยืนยันว่ามาตรา 112 ยังคงบังคับใช้ได้อยู่ เพราะเป็นสถาบันที่ทุกคนเคารพรัก ตำรวจคงไม่หนักใจ แต่ยืนยันว่าเป็นการปฏิบัติตามกรอบกฎหมาย ยึดหลักนิติรัฐ นิติศาสตร์ และรัฐศาสตร์ควบคู่กันไป อะไรที่จะลุกลามบานปลายเราจะถอย 1 ก้าว ใครทำผิดต้องถูกดำเนินคดี แม้ไม่จำเป็นต้องเข้าจับกุมในที่เกิดเหตุทันที แต่จะออกหมายเรียกหรือหมายจับภายหลังได้ พล.ต.อ.สุวัฒน์เน้นย้ำเสมอให้อดทนและยึดหลักกฎหมาย อะไรเกิดกับเราก็ต้องยอมรับ
    พล.ต.ต.ปิยะยังกล่าวถึงการใช้เคมีฉีดใส่กลุ่มผู้ชุมนุมว่าอุปกรณ์ที่ใช้ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) และยึดตามมาตรฐานสากล การผสมสารเคมีเป็นด้วยระบบเทคโนโลยี เจ้าหน้าที่เป็นผู้นำไปใส่ ไม่สามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้ ต้องผสมตามสัดส่วน ยืนยันว่าทั้งตำรวจซึ่งเป็นต้นทางและนักข่าว รวมถึงผู้ชุมนุมที่เป็นปลายทางก็ได้รับอันตรายเท่าๆ กัน ส่วนกรณีชายชุดชมพูเป็นสมาชิกกลุ่มการ์ดคณะราษฎร ตอนนี้กำลังสืบสวน เพราะภาพปรากฏเช่นนั้น ไม่ได้ชี้นำ ขณะนี้รวบรวมเข้าสำนวนการสอบสวนแล้ว ยืนยันว่าเรามีการตรวจพิสูจน์และหลักฐานตามขั้น
    “ขณะนี้เตรียมดำเนินการต่อผู้ชุมนุมที่แยกเกียกกาย เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้ไปสำรวจความเสียหายของรถยนต์ในราชการตำรวจที่ถูกทำลายและแจ้งความต่อตำรวจท้องที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งกำลังสืบสวนและพิสูจน์ทราบตัวบุคคล ตอนนี้รู้ตัวแล้วกำลังจะออกหมายเรียก รวมถึงหมายจับ” พล.ต.ต.ปิยะระบุ
นายอนุชา จันทร์ศรี อายุ 47 ปี พ่อค้าขายหมูสะเต๊ะและขนมปัง ปฏิเสธหลังมีรูปตนเองเผยแพร่ตามสื่อโซเชียลกล่าวหาว่าเป็นชายชุดสีชมพูในคลิปในเหตุการณ์วันที่ 17 พ.ย. ที่แยกเกียกกายว่าไม่ใช่บุคคลในคลิป แต่มีคนนำไปจับแพะชนแกะ แม้เคยทำงานที่กองทัพอากาศในฐานะพลเรือนไม่ใช่จ่า แต่ได้ลาออกมาเป็นเวลากว่า 10 ปี และปัจจุบันประกอบอาชีพขายหมูสะเต๊ะ ในวันนั้นได้นำหมูสะเต๊ะมาส่ง และได้ร่วมชุมนุมกับม็อบราษฎร เพราะชื่นชอบอุดมการณ์ ยืนยันว่าไม่ได้เป็นชายชุดชมพู และวันนั้นก็ได้ใส่ผ้าใบสีแดงไม่ใช่สีขาวตามภาพที่ปรากฏ พร้อมทั้งขอโทษกองทัพอากาศที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ขอให้ทุกเพจที่นำรูปตนเองไปลงให้ลบรูปภายใน 3 วัน และขอให้ขอโทษที่ทำให้เสียหาย หากไม่ลบรูปจะหาวิธีดำเนินการตามกฎหมายต่อไป เพราะได้ลงบันทึกประจำวันที่ สภ.คูคต จ.ปทุมธานี เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจแล้ว 
    เมื่อถามว่า ในวันดังกล่าวมีปืนอยู่ในมือหรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า ในมือไม่มีอะไรเลย มีแต่สำลักน้ำ และเกือบโดนกระทืบจากฝั่งคณะราษฎร เพราะหัวเกรียน เนื่องจากม็อบเข้าใจว่าเป็นเจ้าหน้าที่แฝงตัวมา และยืนยันว่าไม่ใช่การ์ดคณะราษฎร อีกทั้งไม่ได้ปลอมตัว และเคยร่วมชุมนุมกับกลุ่มเสื้อแดงมาหลายปีแล้ว อย่างไรก็ตาม บังเอิญว่าวันนั้นเจอกับนายสมบัติ ทองย้อย หัวหน้าการ์ดม็อบปลดแอก เลยได้ถ่ายรูปร่วมกัน คนเลยเข้าใจผิด วันนั้นยืนยันไม่ได้อยู่ในแนวปะทะ
    ส่วนนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวฝากไปถึง ส.ส.หลายคนที่ประกาศเตรียมใช้ตำแหน่งประกันตัวผู้กระทำผิดของม็อบราษฎรว่า คนที่จะไปประกันตัวขอให้ใช้ทรัพย์สินประกัน กรุณาอย่าใช้ตำแหน่ง ส.ส.เพราะเมื่อคิดปกป้องคนที่จาบจ้วงสถาบันและทำร้ายประเทศก็ควรปกป้องในนามส่วนตัว เพราะตำแหน่ง ส.ส.นั้นได้มาจากความไว้วางใจของประชาชน และตำแหน่งเสร็จสมบูรณ์ตั้งแต่การกล่าวคำปฏิญาณในรัฐสภา ในเมื่อวันนี้ตัดสินใจที่จะทรยศต่อคำปฏิญาณ ก็ไม่ควรใช้ตำแหน่ง ส.ส.ไปหาประโยชน์ส่วนตน
    ขณะที่นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า เจ้าหน้าที่ขอแจ้ง 3 ข้อหาเพิ่มเติมกรณีขึ้นเล่นดนตรีในการชุมนุมหน้าห้างเซ็นทรัลพลาซาเวสต์เกต แต่ยังขอยืนยันที่จะทำการแสดงดนตรี ปราศรัยต่อไป และจะไม่มีวันก้มหัวหรือเกรงกลัวในอำนาจของระบอบเผด็จการ
โพลประจานม็อบราษฎร
    วันเดียวกัน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล ได้เผยผลสำรวจภาคสนามเรื่อง ภาษีของราษฎร กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศจำนวน 1,112 ตัวอย่าง โดยเมื่อถามถึงภาษีของราษฎร พบว่า ส่วนใหญ่ หรือ 93.3% ระบุม็อบราษฎรหยุดอ้างว่าจะรักษาเงินภาษีของราษฎร เพราะได้ทำลายทรัพย์สินส่วนรวมจากเงินภาษีราษฎร รองลงมาหรือ 92.9% ระบุม็อบราษฎรแท้จริง ต้องช่วยรักษาเงินภาษีของราษฎร ไม่ใช่ทำลาย, 92.7% ระบุม็อบประชาธิปไตย ใจเผด็จการยิ่งกว่าผู้มีอำนาจตอนนี้ เพราะคุกคามผู้อื่น บังคับผู้อื่นต้องทำตามข้อเรียกร้อง, 92.3% ระบุน่าเคลือบแคลงสงสัยว่าม็อบทำเพื่อตนเองและพวกพ้อง คนหยิบมือเดียวได้ประโยชน์ด้วยทุนต่างชาติมาทำลายเงินภาษีของราษฎร 
    ที่น่าพิจารณาคือ 91.7% ระบุม็อบประชาธิปไตยแท้จริงต้องชุมนุมด้วยความสงบ ช่วยรักษาทรัพย์สิน สมบัติชาติ ไม่ทำลายเงินภาษีประชาชนเหมือนที่หน้ารัฐสภา, 91.6% ระบุถ้าเห็นแก่อนาคตของน้องๆ พี่ๆ มาทำลายทรัพย์สินส่วนรวมจากเงินภาษีของราษฎรทำไม, 90.6% ระบุขบวนการต่างชาติร่วมทุนในไทยหนุนม็อบ ปลุกปั่นทำลายเงินภาษีของราษฎร และ 90% ระบุเงินภาษีของราษฎรถูกม็อบทำลาย เช่น รถเมล์ รถตู้ตำรวจ รถน้ำแรงดันสูง กล้องวงจรปิดดูแลความปลอดภัยของราษฎร เป็นต้น 
    ผลโพลยังระบุอีกว่า 94.8% ระบุคนไทยส่วนใหญ่ยังจงรักภักดีและต้องการปกป้องรักษาสถาบันหลักของชาติ ในขณะที่ 93.4% ระบุไม่รักก็อย่าทำลาย และ 91.6% ระบุเอือมระอากับม็อบ หยุดได้แล้ว ที่น่าพิจารณาคือส่วนใหญ่หรือ 92.4% ต้องการให้ผู้มีอำนาจออกมาออกมาทำบ้านเมืองให้สงบสุข ไม่วุ่นวายโดยเร็ว ในขณะที่ 7.6% ระบุปล่อยไปแบบนี้ และเมื่อถามถึงจุดยืนทางการเมืองของประชาชน พบว่าส่วนใหญ่หรือ 59.6% สนับสนุนรัฐบาล ในขณะที่ 20.4% ไม่สนับสนุนรัฐบาล และ 20% เป็นพลังเงียบ ขออยู่ตรงกลาง
    ผอ.ซูเปอร์โพลกล่าวว่า หลังเกิดเหตุปะทะทำลายทรัพย์สินราชการจากเงินภาษีของราษฎรส่งผลทำให้กลุ่มพลังเงียบและผู้เคยไม่สนับสนุนรัฐบาลบางส่วนเทคะแนนมาสนับสนุนรัฐบาลมากขึ้น และผลโพลเรื่องภาษีของราษฎรนี้ชี้ให้ประชาชนทั่วไปเห็นอย่างน้อย 3 อย่างคือ 1.แกนนำและม็อบผู้เคยประกาศตัวเรื่องปกป้องภาษีของประชาชน แต่กลับมาทำลายเงินภาษีของประชาชนด้วยวิธีที่รุนแรง 2.แกนนำและม็อบเคยเรียกร้องให้หยุดคุกคามประชาชน แต่กลับทำร้ายผู้เห็นต่างจนบาดเจ็บ รวมถึงคุกคาม และ 3.แกนนำและม็อบเรียกร้องประชาธิปไตยแท้จริง แต่กลับไปบังคับข่มขู่และใช้กฎหมู่เหนือกฎหมาย
    สำหรับความเคลื่อนไหวของการชุมนุมกลุ่มนักเรียนเลวในกิจกรรมบ๊ายบายไดโนเสาร์ บริเวณแยกราชประสงค์ในช่วงบ่ายวันที่ 21 พ.ย. พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. กล่าวถึงเรื่องจราจรว่า คาดว่าตั้งแต่ช่วงเวลา 13.00 น. จะมีความไม่สะดวก แนะนำให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางตั้งแต่เวลา 10.00 น.เป็นต้นไปจนกว่าเสร็จสิ้นการชุมนุม โดยเส้นทางที่อาจได้รับผลกระทบ คือ ถ.ราชดำริ ตั้งแต่แยกราชดำริ-แยกประตูน้ำ ถ.พระราม 1 ตั้งแต่แยกเฉลิมเผ่า-แยกราชประสงค์ และ ถ.เพลินจิต ตั้งแต่แยกราชประสงค์-แยกชิดลม
    พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า ตั้งแต่เวลา 11.00-21.30 น. กลุ่มนักเรียนเลวยื่นต่อพนักงานผู้ดูแลการชุมนุมสาธารณะขอจัดชุมนุมสาธารณะบริเวณสี่แยกราชประสงค์มาทางด้านถนนเกษรฝั่งห้างบิ๊กซี ซึ่ง บช.น.แบ่งพื้นที่รับผิดชอบเป็น 2 โซน โดยสี่แยกราชประสงค์ ถ.ราชดำริ จนถึงแยกเพลินจิต อยู่ในความรับผิดชอบของ ผบก.น.5 ส่วน ถ.พระราม 1 ทั้งเซ็นทรัลเวิลด์ พารากอน ตร. โรงพยาบาลตำรวจ เป็นพื้นที่รับผิดชอบของ ผบก.น.6 
    พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวว่า แม้มีการแจ้งการชุมนุมต่อตำรวจแล้ว ขอฝากเตือนและประชาสัมพันธ์ให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ตำรวจได้แจ้งอย่างเคร่งครัด เฉพาะอย่างยิ่งห้ามเคลื่อนตัวไปจุดต่างๆ ที่ไม่ได้กำหนดเอาไว้ รวมถึงการใช้ป้ายข้อความในลักษณะดูหมิ่น หมิ่นประมาท สร้างความเกลียดชังแตกแยก และการใช้โซเชียลมีเดียสร้างข้อมูลบิดเบือนให้สังคมเกิดความเข้าใจผิด และเกิดความแตกแยกในสังคมได้
    ทั้งนี้ การจัดกิจกรรมของกลุ่มนักเรียนเลวนั้น ในช่วงเที่ยงได้เกิดฝนตกอย่างหนัก จนทำให้เพจนักเรียนเลวได้แจ้งย้ายสถานที่การจัดกิจกรรมไปยังใต้บีทีเอสสยามแทน ซึ่งก็ทำให้ผู้ชุมนุมได้มีการย้ายพื้นที่ โดยมีการนำรถขยายเสียงมาจอดที่ใต้สถานี พร้อมนำกลองมาเล่นดนตรีเข้าจังหวะ พร้อมพูดผ่านเครื่องขยายเสียงว่า “กล้ามาก เก่งมาก ขอบใจ” 
ใช้ริบบิ้นสีผูกข้อมือเด็ก
    ในการชุมนุมยังมีองค์กรแอมแนสตี้ไทยแลนด์เตรียมริบบิ้นสีส้มสำหรับผูกข้อมือให้กับเด็กอายุไม่ถึง 15 ปี และเตรียมริบบิ้นสีชมพูสำหรับผูกข้อมือเด็กอายุ 15-18 ปี เพื่อเฝ้าระวังกรณีการเกิดการสลายการชุมนุม จะได้ช่วยเหลือได้อย่างถูกต้อง จากนั้น เวลา 14.13 น. แกนนำบนรถขยายเสียงประกาศขอให้มวลชนลงมาชุมนุมบนถนนพระราม 1 จนปิดการจราจรได้ตั้งแต่แยกเฉลิมเผ่าถึงแยกปทุมวัน 
    ต่อมาเวลา 16.00 น. ผู้ชุมนุมแต่งมาสคอตเป็นตัวไดโนเสาร์เดินบนถนนหน้าห้างสยามพารากอน โดยมีผู้ชุมนุมบางส่วนโยนลูกบอลอุกกาบาตเข้าใส่ไดโนเสาร์เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าอุกกาบาตจะพุ่งใส่ไดโนเสาร์ และจัดกิจกรรมเขียนข้อความใส่กระดาษโพสต์อิทและนำไปแปะเพื่อสื่อถึงนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ในประเด็นการศึกษามีปัญหา โดยมีผู้ชุมนุมไปแสดงความเห็นอย่างคึกคัก รวมทั้งยังมีการเปิดรับบริจาคเงินให้แก่กลุ่มนักเรียนเลวเพื่อขับเคลื่อนกิจกรรมต่อไป
    ส่วนการปราศรัยบนรถบรรทุก แกนนำได้พุ่งเป้าโจมตีนายณัฏฐพลเป็นหลัก รวมทั้งยังเปรียบเทียบนายณัฏฐพลเป็นไดโนเสาร์ ชื่อณัฏฐพลซอรัส นอกจากนี้ บางช่วงของการปราศรัยยังโจมตี ร.อ.ธรรมนัส เผ่าพรหม รมช.เกษตรและสหกรณ์ ว่าช่วยเหลือคดีที่ดิน ส.ป.ก. ของนายทวี ไกรคุปต์ บิดาของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรค พปชร.ด้วย
    ในเวลา 17.30 น. จัสติน ไทยแลนด์ หนึ่งในแกนนำกลุ่มม็อบราษฎร กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า วันนี้มาทำหน้าที่การ์ดเพื่อดูแลความปลอดภัยให้น้องนักเรียนและประชาชนที่มาร่วมกิจกรรมวันนี้ ขอฝากให้ประชาชนสนับสนุนน้องๆ นักเรียนในการต่อสู้เพื่ออนาคตและการศึกษาที่ดี วันที่ 25 พ.ย.นี้ เราจะไปทวงคืนสมบัติของเรากลับมา ทั้งนี้ อยากเห็นราษฎรมีชีวิตที่ดี อยากเห็นลูกหลานของเราโตมามีอนาคตที่สดใส และอนาคตนี้เป็นของราษฎร พร้อมเชิญชวนให้มวลชนชูสามนิ้ว และตะโกนว่า “ศักดินาจงพินาศ ประชาราษฎรจงเจริญ เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ”   
    สำหรับบรรยากาศรอบๆ การชุมนุม มีแนวร่วมจาก 15 โรงเรียน ได้จัดบูธ 11 ขึ้น เพื่อสะท้อนปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยผู้ชุมนุมวันนี้คาดว่ามีจำนวนกว่า 2,000 คน
ในเวลา 18.05 น. ตัวแทนจากกลุ่ม  kidscon ขึ้นกล่าวปราศรัยถึงกรณีที่รัฐสภามีการคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับของประชาชน โดยระบุว่าได้ตั้งองค์ kidscon เพื่อเป็นแนวร่วมเด็กและเยาวชนมีส่วนร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยให้รัฐธรรมนูญเป็นมิตรกับเด็ก คือการสร้างร่างร่วม คือ 1.สร้างพื้นที่ให้เยาวชนที่ออกมาร่วมชุมนุม 2.ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และ 3.ร่วมสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ดังนั้นเราต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง
    เวลา 19.55 น. มีการแสดงชุด “ไลฟ์อินสยาม” เป็นการแสดงของกลุ่มเยาวชนเต้นประกอบเพลง เช่น เพลง Look What You Made Me Do ของเทย์เลอร์ สวิฟต์ พร้อมทั้งฉายภาพที่เจ้าหน้าที่ฉีดน้ำผสมแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุมจากการชุมนุมในหลายๆ จุดที่ผ่านมา เพลงคริสต์มาสของมารายห์ แครี พร้อมฉายภาพอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย 
    จากนั้นแกนนำประกาศว่า เรายังคงเรียกร้อง 3 ข้อหลักเหมือนเดิม คือ 1.พล.อ.ประยุทธ์ต้องออกไป 2.แก้รัฐธรรมนูญให้เป็นของประชาชน และ 3.ปฏิรูปสถาบัน และในวันที่ 25 พ.ย. พวกเราจะไปสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ด้วยกัน โดยผู้ชุมนุมต่างปรบมือพร้อมโห่ร้องแสดงความดีใจ
    ส่วนที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยขอนแก่น ภายในศาลเจ้าพ่อหลักเมืองขอนแก่น ถ.ศรีจันทร์ เขตเทศบาลนครขอนแก่น นายสิริศักดิ์ สะดวก แกนนำเครือข่ายประชาชนอีสานเพื่อประชาธิปไตย พร้อมนายภานุพงศ์ ศรีธนานุวัฒน์ แกนนำกลุ่มดาวดินขอนแก่น พร้อมเครือข่าย ได้มาร่วมตัวอ่านแถลงการณ์ ก่อนระบุว่า จะจัดกิจกรรมชุมนุมในทุกวันเสาร์ ทุกสัปดาห์ เพื่อเรียกร้อง 3 ข้อคือ ประยุทธ์ออกไป, ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ 
    โดยบรรยากาศในช่วงเย็น มีนักเรียนนักศึกษาทยอยเดินทางมาร่วมชุมนุมอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น โดยก่อนเริ่มการจัดกิจกรรม ทาง พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ได้แจ้งสิทธิการชุมนุมให้เป็นไปตามกฎหมาย และขอความร่วมมือไม่ให้มีป้ายข้อความจาบจ้วงสถาบันกษัตริย์ ก่อนที่ผู้ชุมนุมจะผลัดเปลี่ยนกันขึ้นกล่าวปราศรัยในหัวข้อต่างๆ เพื่อเรียกร้อง 3 ข้อ และปราศรัยถึงปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่ที่แสดงถึงความล้มเหลวในการบริหารประเทศของรัฐบาล 
    นายภานุพงศ์ ศรีธนานุวัฒน์ อายุ 25 ปี หรือ ไนซ์ ดาวดิน กล่าวว่า รูปแบบการจัดกิจกรรมชุมนุมในวันนี้จะเป็นรูปแบบงานรวมสินค้า ในชื่อตลาดหลวง คือนักเรียน นักศึกษา หรือภาคประชาชนกลุ่มไหนอยากจะโชว์ผลงานทางด้านการเมือง สะท้อนเรื่องการเมืองหรือเสียดสีการเมือง ก็สามารถนำมาแสดงออกบนเวทีหรือในสถานที่แห่งนี้ได้ และจะมีเวทีกลางในการปราศรัยเรียกร้อง 3 ข้อ รวมทั้งหัวข้อต่างๆ ที่หลายๆ คนเตรียมมา ซึ่งสามารถขึ้นปราศรัยได้อย่างอิสระ
เพนกวินนัดชุมนุมอักษะ
    ขณะที่นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำคณะราษฎร โพสต์เฟซบุ๊กว่า “รวมพลังประชาธิปไตย ณ ถนนอักษะ พรุ่งนี้สี่โมงเป็นต้นไป”
    สำหรับกรณีการนัดชุมนุมใหญ่ของกลุ่มราษฎร ในวันที่ 25 พ.ย.นั้น พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า กำลังรวบรวมข้อมูลและรอการประชุมอีกครั้ง แต่จากสถานการณ์การชุมนุมในปัจจุบันมีการแจ้งจัดการชุมนุมมากขึ้น ประเมินว่าหากการชุมนุมในประเทศจะยกระดับให้เทียบเท่าอารยประเทศ โดยตั้งจุดคัดกรอง จุดพิสูจน์บุคคล จัดเจ้าหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยและทำความสะอาด เช่นยุโรปหรือเกาหลีได้ จะเป็นการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญโดยแท้จริง อาจจะใช้สนามราชมังคลากีฬาสถานที่จุคนได้เยอะ หรือแม้แต่สนามกีฬาธูปะเตมีย์ ไม่ต้องมานั่งอยู่ที่แยกราชประสงค์ก็ได้
    ขณะที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ โพสต์เฟซบุ๊กถึงการชุมนุมในวันที่ 25 พ.ย. ว่าถ้าจะไปสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ อย่าไปเลย เปลี่ยนเป้าได้นะ เป็นบ้านพักค่ายทหารบิ๊กตู่ดีกว่า ถนนวิภาวดีกว้าง ผิดแค่พระราชบัญัติชุมนุมไม่รุนแรง ไม่แตกแยก ชอบธรรม คิดใหม่ได้.