ปรับครม.ครั้งสุดท้าย
ฝุ่นตลบพปชร.-‘ด้ามขวาน’รอต่อ
ปรับครม.ใหม่ จะมีไหม หลัง 2 รัฐมนตรีพ้นตำแหน่ง
ตอบแบบฟันธงเลยว่า มีแน่ๆ เพียงแต่จะเมื่อไหร่เท่านั้น โดยในระยะใกล้นี้ อาจยังไม่การขยับอย่างที่’บิ๊กตู่’ติดดิสเบรคไว้
หากเร่งรีบหรือไม่ออกโรงยืนยันไว้ก่อน ฝุ่นได้ตลบในพปชร.อย่างไม่ต้องสงสัย และฝุ่นที่เกิดขึ้นนี้ จะน่ากลัวยิ่งกว่าพีเอ็ม 2.5
เพราะมีแนวโน้มสูงจะเป็นการปรับครั้งสุดท้าย เพื่อเร่งสร้างผลงานรัฐบาล กับอีกเป้าหมายหนึ่ง เพื่อเตรียมพร้อมสู้ศึกเลือกตั้่งส.ส.
พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งตอนนี้เป็นนักการเมืองอาชีพแล้ว ย่อมต้องขอเวลาประเมินสถานการณ์ระยะหนึ่งก่อน ค่อยตัดสินใจว่าจะปรับแบบไหน อย่างไร เพราะครม.มีได้จำกัด 1+35 ไม่เกินนั้น
แรงงานเป็นกระทรวงเล็ก ไม่จำเป็นต้องปรับรมช.เข้าไปนั่งแทน’บิ๊กอาย’ แต่กระทรวงเกษตรฯต่างออกไป ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง คณะรัฐศาสตร์ ม.รังสิต ให้ทัศนะว่า แม้จะรมช.อยู่แล้วหลายคน แต่ไม่มีคนของพปชร.เลย ขณะที่ภาคเกษตรเกี่ยวพันกับชีวิตคนส่วนใหญ่ของประเทศ ถึงอย่างไรคงไม่ปล่อยให้พรรคอื่นตีกินผลงานไปหาเสียงเป็นแน่ ความจำเป็นต้องปรับ จึงมี
เช่นเดียวกับมหาดไทย กระทรวงใหญ่ของรัฐบาล นั่งกำกับดูแลโดย’บิ๊กป็อก’แห่งพี่น้อง 3 ป. แต่ไม่ใช่คนของพปชร.อย่างที่ผู้กองธรรมมนัสเคยสะท้อนปัญหาให้’บิ๊กป้อม’ฟัง เพราะไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค แถมในช่วงระยะหลัง พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา มีข่าวคราวความเคลื่อนไหวน้อยมาก ทั้่งที่รับผิดชอบหน่วยงานหลักๆไว้ครบครัน ตรงข้้ามกับรมช.จากพรรคปชป.นิพนธ์ บุญญามณี ที่มีทั้งข่าวคราวลงพืันที่ ตรวจเยี่ยม ติดตามความคืบหน้า และการให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อ รวมทั้่งบทบาทในสภาตามแบบฉบับนักกการเมืองอาชีพ ขณะที่ทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.อีกคนจากภูมิใจไทย แม้จะดูแลรับผิดชอบไม่กี่หน่วยงาน แต่ก็ขยันเป็นข่าว เช่น โครงการโคก หนอง นาโมเดล เรื่องส่งคนตจว.กลับไปรักษาโควิดที่ภูมิลำเนา หรือแม้แต่เรื่องด้านการท่องเที่ยว
มหาดไทยเป็นหน่วยงานใหญ่ มีคุณและโทษต่อการเลือกตั้งทุกระดับ เนื่องจากควบคุมกลไกภาครัฐไว้ทั้งหมด ทำให้เรื่องข่าวคราวของ’บิ๊กฉิ่ง’ฉัตรชัย พรหมเลิศ กลับมาเป็นประเด็นอีกครั้งว่า หลังเกษียณจากปลัดมท.สิ้นเดือนกันยายนนี้แล้ว อาจจะยังอยู่ที่มหาดไทยตามเดิม แต่เปลี่ยนจากข้าราชการประจำเป็นข้าราชการการเมืองในตำแหน่งรมช.มหาดไทย
จึงจะเป็น 2 เก้าอี้รมต.ที่จะมาทดแทนในการปรับครม.ครั้งหน้า ซึ่งเป็นเรื่องที่นักการเมืองและส.ส ในพปชร.จะไม่เห็นด้วย เพราะเท่ากับเก้าอี้รมต. 1 ต้วที่ว่างลง จะถูกกันไปให้’คนนอก’เข้ามานั่ง
ยังไม่นับข่าววงในที่ลือกันสนั่นเมืองว่า ดร.เสกสกล หรือแรมโบ้อีสาน ถูกวางตัวจาก’บิ๊กตู่’หรืออาจเป็นเจ้าตัวเองที่เล็งเก้าอี้รัฐมนตรีไว้ด้วยสายตาลุกวาว ขอจองไว้ 1 เก้าอี้
นั่นเท่ากับส.ส.กลุ่มแก๊งต่างๆในพปชร.จะต้องรับประทานแห้วอีก 1 คำรบ รวมทั้งส.ส.ภาคใต้กลุ่มด้ามขวานไทย 14 คนที่หมายมั่นปั้นมือมาตลอดว่าต้องได้เก้าอี้รมต.1 คน
ความจริง ส ส.กลุ่มด้ามขวานไทย มีปัญหาขาดความเป็นเอกภาพเป็นสำคัญ นับตั้งแต่พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ เพื่อนร่วมรุ่น ตท.12 ของ’บิ๊กตู่’ ที่ถูกวางตัวเป็นรัฐมนตรีไว้ แต่ถูกเลือกไปเป็นส.ว.เสียก่อน พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล ตท.12 อีกคนก็ไม่ได้รับการยอมรับจากส ส พปชร.ภาคใตั ที่จำนวนหนึ่งเสนอชื่อตัวเองเป็นรัฐมนตรีในฐานะตัวแทนกลุ่ม ก่อนที่ส ส.บางส่วนจะไปสังกัดกลุ่มผู้กองธรรมมนัส ทำให้กลุ่มด้ามขวานไทยไม่มีอยู่จริงในทางปฏิบัติ
นี่คือความอลหม่านที่จะเกิดอีกรอบในพปชร. พรรคใหญ่และมีแรงแม่เหล็กดึงดูดมากที่สุดขณะนี้ แต่ในอีกมุมหนึ่ง ก็เป็นพรรคที่มีรอยปริร้าวมากที่สุด จากการพลาดหวังตำแหน่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเก้าอี้รมต.
จึงไม่ใช่เรื่องแปลก หากจะมีบางกลุ่มบางแก๊งค์เตรียมย้ายออก เมื่อถึงเวลาปี่กลองการเลือกตั้งเริ่มขึ้น หรืออาจใช้ยุทธศาสตร์ ตั้งพรรคคู่ขนานเพื่อรองรับการผ่องถ่าย หลังเคยมีข่าว’บิ๊กในมท.’เตรียมตั้งพรรคค้ำอำนาจให้ 3 ป.เดินหน้าต่อไปบนเส้นทางการเมือง และยังเป็นการรองรับบัตรเลือกตั้ง 2 ใบด้วย
การเมืองไทย มีเรื่องให้ลุ้นให้ติดตามตลอดครับ
ประจักษ์ มะวงศ์สา