ในกลางดึกคืนหนึ่งตอนผมเป็นเด็กอายุประมาณ 5-6 ขวบ ผมตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะได้ยินเสียงดังเป๊งๆ โป๊งป๊างๆ ไม่ไกลจากหน้าบ้าน ผมสงสัยว่าใครมาตีอะไรเสียงดังกลางตลาดตอนดึกๆ ขณะที่กำลังสงสัยเสียงเป๊งป๊างก็ดังมาจากอีกด้านของตลาด และอีกด้าน และอีกด้าน ไม่ช้าเสียงเป๊งป๊างก็ดังระงมไปทั่วทั้งตลาด
ผมลุกขึ้นมามองหาพ่อแม่ แต่ไม่เห็นอยู่ในห้องนอน จึงลงบันไดจากห้องนอนที่อยู่ชั้นสอง และเดินออกมาหน้าบ้าน แล้วก็เห็นชาวบ้านทั้งตลาดออกมายืนหน้าบ้าน และเอาของทุกอย่างที่ตีแล้วเสียงดังมาช่วยกันตีเสียงดังสนั่นหวั่นไหว พ่อกับแม่ผมยืนอยู่หน้าบ้านและกำลังตีกระแป๋งและปี๊บกับเขาด้วย
ทุกคนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่กำลังมืดลงไปทุกขณะ ผมมองตามขึ้นไปและภาพที่ผมเห็นคือพระจันทร์ที่เกือบเต็มดวงในคืนข้างขึ้น ตอนนี้มีเงาดำกลืนกินไปจนเกือบหมดทั้งดวง
“ราหูอมจันทร์” ผู้ใหญ่คนหนึ่งแถวนั้นบอกผม และนั่นคือครั้งแรกที่ผมได้ยินคำนี้ ดวงจันทร์ตอนนี้เหลือเพียงเสี้ยวเล็กๆ ไม่ช้าก็โดนเงาดำกลืนกินจนมืดไปทั้งดวง เสียงเป๊งป๊างยิ่งดังสนั่นหวั่นไหวทุกคนตีทุกสิ่งที่อยู่ในมือราวกับว่าถ้าไม่ช่วยกันตีไล่ จากนี้ไปเราจะไม่ได้เห็นดวงจันทร์บนท้องฟ้าอีกเลย
“แม่ทำไงดี ราหูอมจันทร์หมดแล้ว” ผมระล่ำระลักร้องบอกแม่
“เดี๋ยวมันก็คายออกมา” แม่หัวเราะ “ราหูมันก็เงาของโลกเรานี่แหละ” แล้วก็เป็นไปตามที่แม่บอก ไม่ช้าเงาดำมืดก็ค่อยๆ คายดวงจันทร์กลับคืนมา และเพียงไม่กี่นาที ดวงจันทร์ก็กลับมาสว่างกระจ่างฟ้าเหมือนเดิม
ผมเห็นข่าวชาวเมียนมาร์ตีกะละมังตีกระป๋องในตอนนี้ ก็นึกถึงตอนที่เป็นเด็กในตอนนั้น ราหูอมจันทร์ไม่ต้องตีกะละมังไล่หรอกครับ เพราะมันเป็นแค่เงาของราหูหรือเงาของโลก แต่ราหูอมประชาธิปไตยนี่คงต้องตีกะละมังไล่กันจริงๆจังๆ กระมังถึงจะไป
ของประเทศไทยพวกลุงราหูก็อมประชาธิปไตยไปตั้งหลายปี แล้วก็คายคืนมาแค่ครึ่งเดียว เพราะยังมี ส.ว. แต่งตั้งเป็นเงามืดอมประชาธิปไตยเอาไว้ ผมก็ขอเป็นกำลังใจให้ชาวเมียนมาร์ไล่ราหูอมประชาธิปไตยให้สำเร็จ และได้คืนมาทั้งหมดนะครับ