“ทนายเดชา” กิตติวิทยานันท์ เปิดเผยว่า การสู้คดีอนาจารและข่มขืน ต้องมีหลักฐานที่พิสูจน์ความจริงได้ว่ามีการล่วงละเมิด ร่องรอยการทำอนาจาร มีพยานรู้เห็น หากไม่มีเลยจะทำให้โอกาสในการดำเนินคดีเป็นเรื่องยาก และภาพหลักฐานต้องมีลักษณะที่ผู้เสียหายขัดขืน หรือถูกใช้กำลังประทุษร้าย หากไม่มีจะเป็นการสมยอม ซึ่งถือว่าไม่มีความผิด
ส่วนคดีที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองในขณะนี้ หากผู้เสียหายและผู้ต้องหามีการพูดคุยกันหรือให้เงินเยียวยา จนผู้เสียหายพูดว่ามีการสมยอม ก็จะสามารถจบคดีได้ ส่วนคดีอื่นกรณีการกระทำอนาจารในคอนโด หรือในที่ลับ ถือว่าคดีขาดอายุความแล้ว เนื่องจากคดีเหล่านี้มีอายุความเพียง 3 เดือนตั้งแต่วันเกิดเหตุ ทำให้อาจเหลือเพียงคดีเดียว คือกรณีที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา
“ทนายเดชา” ยังได้อธิบายถึงพฤติกรรมและบทลงโทษจากการล่วงละเมิดทางเพศด้วยว่า กรณีอนาจารเป็นลักษณะพฤติกรรมไม่เหมาะสมทางเพศ เช่น ไปกอดจูบลูบคลำผู้หญิงซึ่งเขาไม่รู้จัก ส่วนข่มขืนตามกฎหมายใหม่หมายถึงกระทำชำเรา หมายถึงการใช้อวัยวะเพศเข้าไปในปาก ช่องทวาร หรือช่องคลอด หรืออวัยวะของผู้หญิง ซึ่งอนาจารโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี ส่วนคดีข่มขืนมีโทษจำคุกสูงสุด 20 ปี
พร้อมฝากเตือนไปยังสื่อมวลชนให้นำเสนอข่าวด้วยความระมัดระวัง เพราะกรณีนี้ถือเป็นเรื่องส่วนตัว อีกทั้งศาลยังไม่ตัดสิน หากไปบอกว่าคุกคามทางเพศ เป็นคนหื่นกาม อาจจะถูกดำเนินคดีกลับได้ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยพูดคุยกับคนใกล้ชิดพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้ทราบว่ามีโอกาสที่จะดำเนินคดีกลับสูงมาก
ขอบคุณที่มา ไทยพีบีเอส