ตำรวจห่วงเด็กเยาวชนร่วมม็อบตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง-ปัดข่าวเอาประทัดยักษ์ยัดใส่มือม็อบจนมือขาด ชี้ทำพลาดเองจ่อเอาผิดซ้ำ ขณะเหตุปะทะตำรวจเจ็บเพิ่มอีก8นาย รถถูกเผา 2 คัน
พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาลและพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนะเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงสรุปสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มทะลุฟ้าและเครือข่ายบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิและสามเหลี่ยมดินแดงเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา
พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวเน้นย้ำการชุมนุมดังกล่าวเป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย ฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉิน ฯและกฎหมายอื่นโดยตำรวจพยายามสื่อสารทำความเข้าใจกับผู้ชุมนุมให้ทราบถึงเหตุผลที่ต้องบังคับใช้กฎหมาย โดยตำรวจยอมรับถึงเหตุผลการแสดงออกทางความคิดที่แตกต่างและพยายามรักษาสมดุลการบังคับใช้กฎหมายกับการเปิดพื้นที่การแสดงออกให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมที่บริสุทธิ์ใจชุมนุมโดยสงบสันติปราศจากอาวุธและความรุนแรงโดยแท้จริง แต่ก็เป็นที่น่าเสียใจที่การชุมนุมในวันนี้ยังคงมีกลุ่มคนบางกลุ่มที่ไม่ได้มีเจตนาบริสุทธิ์ในการแสดงออกถึงความเห็นต่าง เนื่องจากกลุ่มบุคคลเหล่านี้พยายามยั่วยุใช้ความรุนแรงและยังคงพยายามทำลายทรัพย์สินของทางราชการตลอดเวลา โดยเน้นย้ำว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและไม่คิดว่าเหตุเหล่านี้จะเกิดขึ้นใจกลางเมืองหลวงของประเทศ แต่อย่างไรก็ตามตำรวจยังจำเป็นต้องทำหน้าที่ในการปฎิบัติการเพื่อคืนพื้นที่ความสงบให้กับสังคมและดำเนินการตามกฎหมายต่อผู้กระทำความผิด พร้อมเน้นย้ำถึงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนที่จำเป็นต้องปฎิบัติหน้าที่ของสื่อตามกรอบแนวทางคู่มือการปฎิบัติของสื่อด้านการสื่อสารในภาวะวิกฤต เช่น ไม่ละเมิดเข้าไปในพื้นที่ที่ประกาศเป็นเขตหวงห้ามเพื่อความปลอดภัยและไม่กระทบขัดขวางการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ พร้อมฝากเตือนผู้ที่จะเข้าร่วมการชุมนุมอาจจเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19หลังตรวจพบผู้ที่ถูกจับกุมส่วนหนึ่งติดเชื้อโควิด-19 ด้วย
ด้าน พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า กลุ่มมวลชนได้ทยอยมารวมตัวกันตั้งแต่ช่วงบ่ายก่อนจะมีการทุบและเผารอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิและขว้างปาขวดน้ำ ก้อนหิน ประทัดยักษ์และยิงพลุใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เวลา15.55น.แกนนำทะลุฟ้าได้ประกาศยุติการชุมนุม แต่กลุ่มผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ยังคงปักหลักชุมนุมต่อก่อนจะเคลื่อนตัวไปบริเวณสามแยกดินแดงและพยายามฝ่าแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยการรื้อรั้วลวดหนามและฝ่าสิ่งกีดขวางต่างๆที่เจ้าหน้าที่วางไว้ และได้ทุบทำลายรถยนต์ของทางราชการและใช้เพลิงเผารถยกของตำรวจเสียหาย2คัน จึงสั่งการตำรวจท้องที่ดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุข้อหา สมคบกันตั้งแต่10คนขึ้นไป ก่อความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมือง,ร่วมกันทำร้ายเจ้าพนักงานผู้ปฎิบัติหน้าที่,วางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่นและทำให้เสียทรัพย์และความผิดตาม พรก.ฉุกฉินและพ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อฯ และจากเหตุการณ์ดังกล่าวเบื้องต้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ8นาย ส่วนใหญ่ถูกพลุเพลิง พลุไฟดอกไม้ไฟจากผู้ชุมนุม และมีตำรวจ2นายไม่เกี่ยวข้องกับการรักษาความสงบเรียบร้อยกำลังเดินทางกลับที่พักแต่ถูกผู้ชุมนุมรุมทำร้ายเกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินส่วนตัว
พร้อมกันนี้ได้แสดงความเสียใจกรณีมีการระเบิดเกิดขึ้นในกลุ่มผู้ชุมนุมและพยายามให้ข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยการโพสต์ข้อความว่า ตำรวจเอาปะทัดยักษ์ยัดใส่มือผู้ชุมนุมและทำให้ปะทัดยักษ์แตกเกินไปหรือเปล่า#ม็อบ11สิงหา โดยมีภาพชายคนหนึ่งมือถูกระเบิดจนมือฉีกขาดหลุดหายไป ซึ่งยืนยันว่ากรณีดังกล่าวนั้น กลุ่มผู้ชุมนุมรายหนึ่งได้จุดประทัดยักษ์หรือระเบิดที่ประดิษฐ์ขึ้นเองเพื่อทำร้ายเจ้าหน้าที่หรือขว้างปามายังเจ้าหน้าที่ตำรวจจนระเบิดขึ้นเป็นเหตุให้ตนเองได้รับอันตราย ซึ่งตำรวจจะดำเนินคดีชายคนดังกล่าวด้วย พร้อมฝากความห่วงใยไปยังผู้ปกครองกรณีผู้ชุมนุมเป็นเยาวชนอาจถูกชักจูงหลอกลวงตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองให้เข้าร่วมการชุมนุม ขณะเดียวกันหากพบว่าผู้ปกครองคนใดมีส่วนในการปล่อยปละละเลยก็จะดำเนินการตาม พรบ.คุ้มครองเด็กและเยาวชนฯพร้อมเตือนไปยังผู้ที่สร้างข่าวปลอมเพื่อให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการปฎิบัติหน้าที่ของตำรวจหรือบืดเบือนข้อมูลส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศมีความผิดตามกฎหมาย