เรื่องฮอต ประเด็นฮิต » #ปารีณาโดนอีก ! ศาลนัด 20 เม.ย.คดีอาญา นายกยันบรรทัดฐานจริยธรรมใหม่

#ปารีณาโดนอีก ! ศาลนัด 20 เม.ย.คดีอาญา นายกยันบรรทัดฐานจริยธรรมใหม่

9 April 2022
306   0

   เมื่อวันศุกร์ที่ 8 เมษายน น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ซึ่งศาลฎีกาพิพากษาให้พ้นจากการเป็น ส.ส. และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี จากการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง ได้เคลื่อนไหวเป็นครั้งแรกบนเฟซบุ๊ก โดย น.ส.ปารีณาได้โพสต์คลิปเพลง “คนดีไม่มีวันตาย” พร้อมประกอบภาพกิจกรรมทางการเมืองในช่วงที่ดำรงตำแหน่ง ส.ส. พร้อมระบุว่า ตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปีบนถนนการเมือง  ตั้งใจทำหน้าที่ผู้แทนทั้งในสภาและนอกสภาอย่างเต็มที่

น.ส.ปารีณายังโพสต์อีกว่า ได้ทุ่มเทจิตใจและทุนทรัพย์ให้พวกพ้องและพี่น้องประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ได้รับการยอมรับและชนะเลือกตั้งตลอด ไม่เคยสอบตก แต่วันนี้ถูกพิพากษาลงโทษอย่างรุนแรง ไม่สามารถสมัครอะไรได้ตลอดชีวิต เพราะด้วยความไม่รู้ และบริสุทธิ์ใจ  สุจริตใจ จึงได้แจ้งต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ด้วยตนเองว่าครอบครองทำประโยชน์อยู่บนที่ดิน ภ.บ.ท.5 แต่พบว่าสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) มีการประกาศเขต ส.ป.ก.จังหวัดราชบุรี แต่ไม่ได้ประกาศกำหนดว่าซอยไหน ส่วนไหนของ จ.ราชบุรีเป็น ส.ป.ก. ไม่มีแม้แต่ป้าย กำนันผู้ใหญ่ก็ไม่ทราบว่าตรงไหนเป็นหรือไม่เป็น ส.ป.ก

น.ส.ปารีณาโพสต์ต่อว่า ส.ป.ก.วิ่งผ่านที่ดินฟาร์มไก่ ก็ไม่เคยทักท้วงหรือดำเนินคดี จนกระทั่งมีคนร้องเรียนว่าบุกรุกป่า นำไปสู่การตรวจสอบ และพบว่าที่ดินผืนดังกล่าวไม่ใช่ป่า แต่เป็นพื้นที่ ส.ป.ก.ทั้งหมด ที่ยังไม่ได้มีการจัดสรรให้แก่ราษฎร ซึ่งยังไม่ได้จัดสรร แปลว่ายังไม่ได้เกิดความเสียหาย หรือยังไม่ได้มีการแย่งที่ทำกิน) แต่มีการใช้งบประมาณดำเนินการแผนงานไปแล้ว และเหตุผลที่ยังไม่มีการจัดสรรเพราะ ส.ป.ก. มีกำลังคนและงบประมาณที่จำกัด และพอทราบว่าเป็น ส.ป.ก. จึงทำหนังสือส่งมอบคืนที่ดินพร้อมยกทรัพย์สินทั้งหมดให้ ส.ป.ก. ส่วนเพื่อนบ้านพอทราบว่าพื้นที่แถวนั้นเป็น ส.ป.ก. ก็เพิ่งจะไปออก ส.ป.ก.กันภายหลังจากมีเรื่อง

น.ส.ปารีณาโพสต์อีกว่า ถูกพิพากษาว่าผิดจริยธรรมร้ายแรง เสื่อมเสีย ตัดสิทธิ์สมัครตลอดชีวิต ซึ่งตนเองและทนายทิวา ได้พยายามอย่างสุดความสามารถในการสู้คดีแสดงให้ศาลเห็น และหวังจะได้ความเมตตาจากศาล ศาลก็เมตตา ขอกราบขอบพระคุณศาลในความเมตตา และขอน้อมรับคำพิพากษา วันนี้ความผิดเปรียบได้กับการลงโทษสูงสุด การลงโทษในคดีมีหลายระดับ คือเริ่มจากปรับ จำคุก หรือประหารชีวิต ซึ่งถูกพิพากษาเปรียบเสมือนทำผิดร้ายแรงถูกประหารชีวิตทางการเมืองจากที่ดินพ่อให้มา และนี่คือคดีที่จะเป็นบรรทัดฐานต่อนักการเมืองและข้าราชการต่อไป

 “ปารีณาไม่สามารถเป็นผู้แทนของท่านได้อีกต่อไป ปารีณาขอขอบคุณทุกกำลังใจ และจะขอยึดมั่นอุดมการณ์ของปารีณาต่อไป และเราจะได้พบกันอีก ปิดฉากปารีณาไม่เชิญก็ไปมีอะไรก็มา ผู้แทนบ้านๆ ฉบับปารีณา เกมในสภา แต่พบกันอีกเร็วๆ นี้นอกสภานะคะ” น.ส.ปารีณาโพสต์ทิ้งท้าย

ประยุทธ์ชี้บรรทัดฐานใหม่

ขณะที่นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) นำสำนวนพร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้อง น.ส.ปารีณา ในข้อหาบุกรุกที่ป่าสงวนและพื้นที่ป่า โดยการทำและจัดสร้างฟาร์มไก่ หมู่ 16 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี  ซึ่งมีการส่งสำนวนให้อัยการจังหวัดราชบุรีเมื่อช่วงปี 2564 ว่าก่อนหน้านี้ น.ส.ปารีณายื่นร้องขอความเป็นธรรมเข้ามาหลายประเด็น และล่าสุดได้ยื่นร้องขอความเป็นธรรมซึ่งเป็นประเด็นใหม่ อธิบดีอัยการภาค 7 จึงมีคำสั่งตามร้องขอความเป็นธรรมเมื่อวันที่ 7 เม.ย.2565 เเละให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนเพิ่มเติมเเละนัดฟังคำสั่งคดีในวันที่ 20 เม.ย.นี้

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวในเรื่องนี้ว่า เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ซึ่งต้องอยู่กันด้วยกฎหมาย ก็ต้องระมัดระวัง วันนี้คิดว่าหลายอย่างเกิดบรรทัดฐานใหม่ขึ้นมาแล้ว นี่คือการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นควรต้องระมัดระวังอย่างที่สุด หลายอย่างก็บอกไปแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถือเป็นการป้องปรามนักการเมืองด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็ทุกคน คงไม่เฉพาะนักการเมือง ทุกคนต้องเคารพกฎหมาย ฉะนั้นอะไรที่ทำมาแล้วผิดอะไรต่างๆ ก็รู้ตัวเองดีอยู่แล้วใช่หรือไม่ ก็แก้ปัญหาให้มันถูกต้อง เราไม่ได้เอาเป็นเอาตาย ไม่ได้เลือกปฏิบัติ และไม่ใช่เรื่องที่ไปดำเนินการ แต่เป็นเรื่องที่มีการฟ้องร้องกันมาใช่หรือไม่ กลไกกระบวนการยุติธรรมเขาก็ทำงานของเขา นี่คือสิ่งที่มีมาตรการมาตลอดระยะเวลา

มีรายงานจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แจ้งว่า นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ได้ลงนามในหนังสือส่งถึงเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) เรื่องร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดราชบุรี เขตเลือกตั้งที่ 3 แทนตำแหน่งที่ว่างแทน น.ส.ปารีณาแล้ว โดยคาดว่าจะมีการเปิดรับสมัครรับเลือกตั้งใหม่ระหว่างวันที่ 21-25 เม.ย.2565 และวันเลือกตั้งในวันที่ 15 พ.ค.2565

ขณะที่นายวิษณุ​ เครืองาม​ รองนายกฯ กล่าวในประเด็นนี้ว่า หนังสือดังกล่าวยังไม่มาถึง แต่ถึงอย่างไรจะต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 45 วัน นับจากวันที่ศาลฎีกามีคำพิพากษา ส่วน น.ส.ปารีณาจะอุทธรณ์คำพิพากษาศาลฎีกาก็อุทธรณ์ไป ไม่เกี่ยวกัน เพราะถือว่าสิ้นสุดสมาชิกภาพ ส.ส.ไปแล้วตั้งแต่มีคำพิพากษา และต้องย้อนไปถึงวันที่ศาลมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. วันที่ 25 มี.ค.2564 แล้ว​ ส่วนร่างพระราชกฤษฎีกาฯ ​จะเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี​ (ครม.)​ ในวันอังคารที่ 12 เม.ย.นี้เลยหรือไม่นั้น หากได้รับร่างพระราชกฤษฎีกาฯ จาก กกต.ภายในไม่กี่วันนี้ และน่าจะเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ทันในวันที่ 12 เม.ย. และต้องถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องต้องเร่งรีบ แต่ไม่ใช่เรื่องยาก เราทำมาหลายหนแล้ว

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวถึงการส่งผู้สมัครชิง ส.ส.ราชบุรี เขต 3 ว่า ในพื้นที่มีสมาชิกพรรคอยู่แล้วที่พร้อมลงสมัคร แต่ต้องผ่านคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง และต้องคุยในคณะกรรมการบริหารพรรค  ส่วนที่มีข่าวว่า น.ส.ปารีณาจะให้พี่ชายลงรับสมัครนั้น ไม่ทราบ

มั่นใจทวงเก้าอี้ราชบุรี

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเลือกตั้งซ่อม พปชร.มักจะแพ้ นายชัยวุฒิกล่าวสวนว่า ที่ชนะก็เยอะ การเลือกตั้งก็มีทั้งแพ้และชนะเราคิดว่าต้องทำให้ดีที่สุด และ จ.ราชบุรี พรรค พปชร.ก็มี ส.ส.หลายคน เรามีคะแนนนิยมในจังหวัดนี้ดีอยู่แล้ว เชื่อว่าจะรักษาพื้นที่ไว้ได้ ส่วน น.ส.ปารีณา เมื่อถูกตัดสิทธิ์ ก็ไม่สามารถมาเป็นสมาชิกพรรคการเมืองได้ แต่ถ้ามาช่วยเป็นที่ปรึกษาหรือแนะนำในฐานะประชาชนก็ว่าไป เพราะมีความเข้าใจในพื้นที่ตัวเอง ก็น่าจะช่วยประชาชนได้

เมื่อถามว่า การส่งผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมในครั้งนี้ พรรคร่วมรัฐบาลควรคำนึงถึงมารยาทในการร่วมรัฐบาลด้วยการให้เกียรติพรรคเจ้าของพื้นที่ก่อนหรือไม่ นายชัยวุฒิกล่าวว่า เรื่องนี้คงมีการคุยกัน ซึ่งการเลือกตั้งเป็นไปตามกติกาและกฎหมาย รอให้เขาคุยกันก่อน และคิดว่าคงไม่ใช่ประเด็นหลัก

ถามว่าหัวหน้าพรรคและ กก.บห.ได้พูดคุยกับ น.ส.ปารีณาอย่างไรบ้าง นายชัยวุฒิกล่าวว่า ยัง แต่ก็เป็นห่วง และให้กำลังใจ น.ส.ปารีณา เพราะเท่าที่ติดตามข่าว น.ส.ปารีณาไม่ได้มีเจตนาทำความผิดอะไร แต่ด้วยเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญที่มีเรื่องจริยธรรมเข้ามา ทำให้มีความผิดในเรื่องนี้ เชื่อว่าทุกคนน้อมรับและยอมรับคำตัดสินของศาล เพียงแต่ส่วนตัวเห็นใจ น.ส.ปารีณา ที่ตั้งใจทำงานดูแลประชาชนในพื้นที่ และมีบทบาทการเมืองในสภา ซึ่งทำหน้าที่ได้ดี ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย

“เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่าระบบศาลหรือกระบวนการยุติธรรม องค์กรอิสระในประเทศไทย ให้ความเป็นกลางทั้งฝ่ายค้าน รัฐบาล หรือทุกคนที่มีความผิดก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ไม่มีใครมีสิทธิพิเศษหรือไปสั่งการอะไรได้ เพราะเป็นเรื่องตามกระบวนการที่ตรงไปตรงมา อยากให้ประชาชนเข้าใจว่าไม่ใช่ฝ่ายค้านหรือรัฐบาลโดน แต่เป็นเรื่องข้อเท็จจริงทางกฎหมาย และองค์กรอิสระต่างทำหน้าที่ได้ตรงไปตรงมา ทำให้เกิดความเชื่อมั่นให้กับประชาชน” นายชัยวุฒิกล่าว

ปิยบุตรปลุกรื้อ รธน.2560

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กย้ำว่า ไม่ควรดีใจที่ น.ส.ปารีณาถูกตัดสิทธิ์ห้ามเล่นการเมืองตลอดชีวิต เพราะเป็นเพราะพิษของรัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งได้สร้างกลไกใหม่ไว้เข่นฆ่านักการเมือง นั่นคือมาตรฐานทางจริยธรรม โดยกำหนดให้ ป.ป.ช.ทำหน้าที่ไต่สวน กรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง เพื่อเสนอเรื่องให้ศาลฎีกาวินิจฉัย หากศาลฎีกาวินิจฉัยว่าผู้นั้นฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงจริง ผู้นั้นต้องพ้นจากตำแหน่งและถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และอาจถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งอีกไม่เกินสิบปีด้วย

นายปิยบุตรย้ำว่า อัตราโทษของการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง คือการประหารชีวิตทางการเมือง ไม่ต่างอะไรกับการเอานักการเมืองขึ้นเครื่องประหารกิโยตินในสมัยก่อน เพียงแต่สมัยนั้นตัดคอ ปลิดชีวิตทางกายภาพ ส่วนสมัยนี้คือตัดสิทธิ์ ปลิดชีวิตทางการเมือง การกำหนดโทษสูงขนาดนี้ไม่ได้สัดส่วนกับการกระทำอันเป็นความผิด และเป็นการลงโทษหลายครั้งในเหตุจากการกระทำเดียว

นายปิยบุตรโพสต์อีกว่า กรณีศาลฎีกาพิพากษาว่า น.ส.ปารีณาฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง และต้องถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต ไม่ควรนำมาซึ่งการไชโยโห่ร้องของฝ่ายที่ไม่ชอบพฤติกรรมและการปฏิบัติหน้าที่ของ น.ส.ปารีณา           ตรงกันข้ามมันควรเป็นตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นพิษภัยของรัฐธรรมนูญ 2560 ความไม่เป็นประชาธิปไตยและไม่เป็นไปตามหลักการสากล ไม่ว่าจะสนับสนุนพรรคการเมืองใด กลุ่มการเมืองใด ไม่ว่าจะรักชอบนักการเมืองคนไหน ก็ไม่ควรยินดีกับ น.ส.ปารีณา เช่นเดียวกันกับไม่ควรยินดีกับกรณี นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี นักการเมืองน้ำดีมีฝีมือที่ต้องรับพิษภัยจากรัฐธรรมนูญแบบนี้ ไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้ง และไม่สามารถเป็นรัฐมนตรีได้อีกตลอดไป

 “เราไม่ควรดีใจ สนับสนุนการเข่นฆ่านักการเมืองผู้ใดอีกเลยด้วยวิธีการแบบนี้ แต่ต้องรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นนี้ ยกเลิกรัฐธรรมนูญนี้ ทำรัฐธรรมนูญใหม่ หยุดนิติสงคราม ที่นำมาเข่นฆ่านักการเมืองและประชาชน หยุดการยื่นดาบ ให้องค์กรตุลาการมาประหารชีวิตทางการเมืองของนักการเมืองกันเอง”นายปิยบุตรทิ้งท้าย.