ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » #ปิยบุตร-ช่อ ไม่รอด ! อสส.สั่งฟ้องผิด ม.116 ยุยงปลุกปั่น ค้างคดีอีกเพียบ

#ปิยบุตร-ช่อ ไม่รอด ! อสส.สั่งฟ้องผิด ม.116 ยุยงปลุกปั่น ค้างคดีอีกเพียบ

30 November 2022
311   0

 

 

วันนี้ (30 พ.ย.65) นายธรัมพ์ ชาลีจันทร์ ผู้ตรวจอัยการ ในฐานะโฆษกอัยการสูงสุด และ นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมแถลงข่าว อัยการสูงสุดมีคำสั่งชี้ขาดสั่งฟ้อง คดีที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา มีคำสั่งฟ้อง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ,นายปิยบุตร แสงกนกกุล และน.ส.พรรณิการ์ วานิช เป็นผู้ต้องหาที่1-3 กระทำความผิดข้อหาร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชน ด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ว่าตามที่พนักงานอัยการ สำนักงานคดีอาญา ได้รับสำนวนการสอบสวนคดีอาญาที่ 1702/2563 ของ สน.พญาไท ซึ่งมีนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีตพุทธอิสระ เป็นผู้กล่าวหานั้น

นายโกศลวัฒน์ กล่าวว่า คดีนี้เดิมทีพนักงานอัยการ พิจารณาแล้วมีคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาทั้งสามคน  ส่งสำนวนไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 145/1 ต่อมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความเห็นแย้งว่าไม่เห็นพ้องด้วยกับคำสั่งไม่ฟ้องดังกล่าว และส่งสำนวนมายังอัยการสูงสุด เพื่อพิจารณาชี้ขาด โดยอัยการสูงสุด ได้พิจารณาคดีแล้วมีคำสั่งชี้ขาดให้ฟ้อง นายธนาธร, นายปิยบุตร และ น.ส.พรรณิการ์ ฐานร่วมกันล่วงละเมิดรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักรหรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดินตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 2, 6, 34, 49 และ 50 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 116 (2), (3)

ด้าน นายธรัมพ์ กล่าวต่อว่า อัยการสูงสุดได้พิจารณาชี้ขาดความเห็นแย้ง โดยชี้ขาดให้ฟ้องคดี เพราะมองพฤติกรรมการกระทำต่างๆ ของผู้ถูกกล่าวหาแล้วเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 116 คือ แสดงความเห็นด้วยวาจา หนังสือให้ปรากฎในหมู่ประชาชน ก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในราชอาณาจักรแล้วทำให้มีการล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ทั้งจากคำปราศรัย และการแสดงความคิดเห็นทางสื่อออนไลน์ต่างๆ แต่ไม่มีข้อหาความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เรื่องจากไม่มีการเเจ้งข้อหามาเเต่เเรก อย่างไรก็ตาม คดีนี้มีพิจารณามาตั้งแต่สมัยอัยการสูงสุดคนก่อนๆ แต่เพิ่งมีคำสั่งชี้ขาดในสมัย อัยการสูงสุดคนปัจจุบัน ขั้นตอนหลังจากนี้จะแจ้งคำสั่งชี้ขาดของอัยการสูงสุดไปยังพนักงานสอบสวนสน.พญาไท เพื่อตามตัวและนัดหมายนายธนาธร มารับทราบข้อกล่าวหาและยื่นฟ้องต่อศาลอาญาต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับมูลเหตุคดีนี้ นายสุวิทย์ ได้เเจ้งความช่วง ต.ค.63 พนักงานสอบสวน อ้างถึงกรณีนายธนาธร เคยอภิปรายเรื่องอภิวัฒน์สยาม 24 มิถุนายน 2475 พูดถึงประวัติศาสตร์การเมืองไทย 14 ตุลาคม 6 ตุลาคม 2519 เป็นผู้หนึ่งที่มีส่วนก่อตั้งวารสารฟ้าเดียวกัน อภิปรายงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่างๆ และไปปรากฎตัวในที่ชุมนุม ในกรณีของนายปิยบุตร ได้นำงานวิชาการสมัยที่เป็นอาจารย์ ม.ธรรมศาสตร์ ตีพิมพ์ในวารสารฟ้าเดียวกัน และหนังสือราชมัลลงทัณฑ์บัลลังก์ปฏิรูป และเอาความเห็นกรณีเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการปฏิรูปสถาบันฯ เพื่อไม่ให้เอาข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมไปอยู่บนท้องถนน การชุมนุมจะได้คลี่คลายเบาบางลง โดยอ้างว่ากรณีนี้ทำให้เยาวชน นิสิต นักศึกษาออกมาชุมนุม ส่วนกรณีของน.ส.พรรณิการ์ บอกว่า ไปปรากฎตัวในการชุมนุม และไลฟ์สด