รอยเตอร์รายงานวานนี้ (4 เม.ย.) ว่า มาตรการจำกัดวีซ่าเข้ารัสเซียต่อพลเมืองกลุ่มประเทศที่ไม่เป็นมิตรที่ลงนามเป็นกฎหมายโดยประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ในวันจันทร์ (4) นั้นจะถูกบังคับใช้ในวันเดียวกับ ยกเลิกการออกวีซ่าแบบที่ทำให้ง่ายขึ้นแก่บางประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป เช่น นอร์เวย์ สวิตเซอร์แลนด์ เดนมาร์ก และไอซ์แลนด์
นอกจากนี้ ยังออกคำสั่งไปยังกระทรวงต่างประเทศรัสเซียและหน่วยงานอื่นๆ ให้เสนอมาตรการของตัวเองในการจำกัดการเข้าประเทศต่อชาวต่างชาติและกลุ่มคนที่ไร้รัฐที่แสดงการเป็นอริต่อรัสเซีย พลเมืองของประเทศนั้นหรือนิติบุคคลเป็นต้น
ทั้งนี้ เดือนที่ผ่านมารัฐบาลเครมลินได้อนุมัติบัญชีกลุ่มประเทศที่ไม่เป็นมิตร รวมถึงสหรัฐฯ แคนาดา อังกฤษ สมาชิกประเทศกลุ่มอียู และยูเครน
เกิดขึ้นในวันเดียวกัน (4) ที่รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี อันนาเลนา แบร์บ็อค (Annalena Baerbock) ประกาศให้นักการทูตรัสเซียประจำสถานทูตรัสเซียในเยอรมนีเป็นบุคคลไม่พึงปรารถนาหลังเกิดเหตุพบศพจำนวนมากทั่วเมืองบูชา (Bucha) พร้อมเสริมว่า เบอร์ลินจะเพิ่มการสนับสนุนกองกำลังทหารยูเครนเพิ่มมากขึ้น
แบร์บ็อค กล่าวผ่านแถลงการณ์ทางเฟซบุ๊กว่า “หลายภาพจากบูชาแสดงถึงความโหดร้ายอย่างไม่น่าเชื่อในส่วนของผู้นำรัสเซียและกลุ่มคนที่ติดตามโฆษณาชวนเชื่อ” ซึ่งอ้างไปถึงพลเมืองถูกสังหารในทางเหนือของยูเครน
และกล่าวต่อว่า “รัฐบาลกลางเยอรมนีวันนี้ได้ตัดสินใจประกาศสถานะความเป็นบุคคลไม่พึงปรารถนาในระดับจำนวนมากต่อเจ้าหน้าที่ประจำสถานทูตรัสเซีย ผู้ซึ่งทำงานที่นี่ในเยอรมนีทุกวันปฏิปักษ์ต่อเสรีภาพของเรา ต่อการกลมกลืนของสังคมพวกเรา”
ทั้งนี้ กระทรวงต่างประเทศเยอรมนีได้แสดงรายชื่อนักการทูตรัสเซียที่ได้รับการรับรองในเยอรมนี จำนวน 104 คน
นอกจากนี้ แบร์บ็อค กล่าวต่อว่า “เราจะออกการตอบโต้เพิ่มเติมร่วมกับพันธมิตรของพวกเรา” และเสริมต่อว่า “เราจะทำให้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียที่มีอยู่มีความหนักหน่วงมาก เราจะเพิ่มการสนับสนุนอย่างหนักแน่นต่อกองกำลังยูเครน และเราเพิ่มความแข็งแกร่งต่อทางฝั่งตะวันออกของนาโต้”