14 ก.พ.2565 – ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวอ้างการถอดการรักษาโควิด-19 ออกจาก UCEP (Universal Coverage for Emergency Patients) หรือ สิทธิการรักษาตามนโยบายรัฐเพื่อคุ้มครองผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต ทำให้เกิดการเข้าใจผิดว่าหากติดโควิด-19 แล้วต้องจ่ายค่ารักษาเอง ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข มีแผนปรับแนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 มาเป็นการรักษาตามสิทธิการรักษาพยาบาลของแต่ละคนนั้น ขอยืนยันว่าประชาชนยังได้รับการรักษาเหมือนเดิมโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น รวมทั้งยังสามารถไปรับบริการในโรงพยาบาลเอกชนได้ หากมีอาการเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ ขอประชาชนอย่ากังวลเรื่องการรักษา ย้ำการถอนโควิด-19 ออกจากโรคฉุกเฉินวิกฤติ ไม่ได้หมายความว่าหมดสิทธิรักษาฟรี
นายธนกร กล่าวอีกว่า ปัจจุบันประเทศไทยพบผู้ป่วยโควิด-19 ด้วยสายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งผู้ป่วย 80-90% แทบไม่มีอาการ สามารถรักษาตัวที่บ้านในระบบ Home Isolation ได้ ไม่ได้อยู่ในภาวะฉุกเฉิน จึงไม่มีเหตุที่ต้องรีบเข้าโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด หากมีการประกาศให้โรคนี้ไม่เป็นภาวะฉุกเฉิน ผู้ป่วยก็สามารถไปรับการรักษาพยาบาลได้ตามระบบปกติตามสิทธิของตนที่มีอยู่ เช่น หากใช้สิทธิบัตรทอง จะมีหน่วยบริการประจำที่ลงทะเบียนไว้ ผู้ป่วยสามารถไปรับบริการได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หรือหากเข้าระบบการดูแลแบบ Home Isolation สปสช. ก็ยังดูแลค่าใช้จ่ายให้เหมือนเดิม แต่หากมีอาการฉุกเฉิน ผู้ป่วยสามารถเข้ารับบริการในหน่วยบริการที่ใกล้บ้านที่สุดโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นรัฐหรือเอกชน ทั้งนี้ ปัจจุบันประชาชนไทยได้รับการคุ้มครองสิทธิการรักษาพยาบาลจากรัฐบาล 3 ระบบใหญ่ด้วยกัน ได้แก่ 1.สิทธิสวัสดิการการรักษาพยาบาลของข้าราชการ 2. สิทธิประกันสังคม และ 3.สิทธิหลักประกันสุขภาพ หรือบัตรทอง
“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เน้นย้ำถึงการดูสุขภาพของประชาชนต้องให้ทั่วถึงทุกกลุ่ม โดยเฉพาะในภาวะวิกฤติโควิด-19 ไม่ทอดทิ้งประชาชนอย่างแน่นอน หากป่วยด้วยโรคโควิด-19 ยังคงสามารถเข้ารักษาตามสิทธิสุขภาพของตน โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เหมือนเดิม ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขไทยที่ได้รับการยกย่องติดอันดับโลกมาโดยตลอด ทั้งในการรักษาพยาบาลโรคทั่วไป และการจัดการรักษาพยาบาลโรคโควิด สิ่งสำคัญคือการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเอง โดยเฉพาะการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นซึ่งเป็นนโยบายที่สำคัญ ที่จะช่วยปกป้องให้ปลอดภัยจากโรคนี้ได้ จึงขอเชิญชวนประชาชนทุกกลุ่มที่รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว ให้ไปรับวัคซีนเข็ม 3 เพื่อกระตุ้นสร้างภูมิคุ้มกัน” นายธนกร กล่าว