นายสมบัติ อุทัยสาง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ร่ำรวยผิดปกติ
ตรงประเด็น – นายวรวิทย์ สุขบุญ รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. โฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูลนายสมบัติ อุทัยสาง ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบของตนและคู่สมรส ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในตำแหน่งประธานกรรมการองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กรณีเข้ารับตำแหน่ง พ้นจากตำแหน่ง และพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี รวม 3 ตำแหน่ง 9 บัญชี โดยไม่แสดงบัญชีเงินฝากของตนหรือคู่สมรสที่อยู่ในชื่อของบุตร หรือที่คู่สมรส มีชื่อร่วมกับบุตร จำนวน 9 บัญชี เพื่อปกปิดจำนวนทรัพย์สินที่แท้จริงของตน เป็นการจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ให้ส่งเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัย
ต่อมาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้มีคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ อม 3/2552 คดีหมายเลขแดงที่ อม 8/2552 วันที่ 25 กันยายน 2552 พิพากษาว่านายสมบัติ อุทัยสาง จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ โดยเห็นว่าเงินในบัญชีเงินฝากธนาคารอาคารสงเคราะห์ สาขาคอนแวนต์ รวม 5 บัญชี ในระหว่างปี 2540 – 2541 รวมเป็นเงิน 112,820,749.77 บาท นายสมบัติ อุทัยสาง และนางสุจิวรรณ อุทัยสาง ร่วมกันเป็นเจ้าของเงิน และมีคำพิพากษาว่านายสมบัติ อุทัยสาง จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ นั้น
ต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่านายสมบัติ อุทัยสาง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีนายณรงค์ รัฐอมฤต กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวน
คณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง ได้ทำการไต่สวนข้อเท็จจริง โดยรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องนำเสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาจากพยานหลักฐานแล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเงินฝากที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ สาขาคอนแวนต์ และสาขาพุทธมณฑล ในนามของนางสุจิวรรณ อุทัยสาง คู่สมรสและบุตร 3 คน ที่นายสมบัติ อุทัยสาง ไม่ได้แสดงไว้ในการยื่นบัญชีกรณีต่างๆ มียอดเงินฝากคงเหลือ ณ วันที่ 4 พฤศจิกายน 2547 ซึ่งเป็นการยื่นบัญชีครั้งสุดท้ายในกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร จำนวน 106,291,109.01 บาท โดยนายสมบัติ อุทัยสาง สามารถพิสูจน์การได้มาของเงินฝากธนาคารดังกล่าวว่าได้มาโดยชอบตามวิถีทางปกติ จำนวน 15,000,000 บาท ดังนั้น เมื่อนำจำนวนเงินที่ไม่สามารถพิสูจน์การได้มาโดยชอบ จำนวน 91,291,109.01 บาท รวมกับดอกเบี้ยเงินฝากที่เกิดขึ้นซึ่งเป็นดอกผลทางนิตินัยของเงินฝากดังกล่าวอีกจำนวน 17,283,247.22 บาท มารวมคำนวณแล้ว เห็นว่า นายสมบัติ อุทัยสาง มีทรัพย์สินที่ไม่สามารถพิสูจน์การได้มาโดยชอบ รวมมูลค่า 108,574,356.23 บาท จึงมีมติให้ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิจารณาพิพากษาคดี เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินรายการเงินฝากธนาคารอาคารสงเคราะห์ ในนามของนางสุจิวรรณ อุทัยสาง คู่สมรส และบุตร 3 คน ที่สาขาคอนแวนต์ และสาขาพุทธมณฑล เป็นทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติ ตกเป็นของแผ่นดิน รวมมูลค่า 108,574,356.24 บาท จึงเป็นทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติ ตามมาตรา 80 (1) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
สำนักข่าววิหคนิวส์