29 ส.ค.2565-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ(ก.ต.ช.) เพื่อพิจารณาคัดเลือก ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) คนใหม่ ซึ่งจะเป็น ผบ.ตร.คนที่ 13 แทนพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ที่จะเกษียณอายุราชการ เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ชั้น 2 ห้องศรียานนท์ อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
มีรายงานว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ ได้เสนอชื่อ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผบ.ตร. ให้ที่ประชุม ก.ต.ช.พิจารณารายเดียว โดยคณะกรรมการเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ขึ้นดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. คนใหม่ ซึ่งเป็น ผบ.ตร. คนที่ 13 ใช้เวลาประชุมประมาณ 1 ชม.
สำหรับประวัติ “บิ๊กเด่น” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เป็นนักเรียนเตรียมทหาร รุ่น 22 เพื่อนร่วมรุ่น พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. และเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 38 จบปริญญาโทรัฐประศาสนศาสตร์ จาก City University ประเทศสหรัฐอเมริกา , หลักสูตรการควบคุมฝูงชน ของ Tacoma Police Department ประเทศสหรัฐอเมริกา และ หลักสูตร Pacific Training Initiative (PTI) ของ F.B.I
เริ่มรับราชการครั้งแรกเมื่อปี 2528 ตำแหน่ง รอง สวส.สน.พลับพลาไชย เขต 2 ดำรงตำแหน่งสำคัญ อาทิรอง ผกก.ป.สน.บางรัก ผกก.สน.คลองตัน เคยได้รับรางวัลต่างๆ อาทิ ป้องกันยาเสพติดดีเด่น ของ ตร. , พัฒนาสถานีตำรวจเพื่อประชาชน อันดับ 1 และรางวัลชุดปฏิบัติการชุมชนสัมพันธ์ดีเด่นของ บช.น. 3 ปีซ้อน ก่อนเลื่อนขึ้นเป็น รองผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (191), รองผู้บังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน (อคฝ.) ต่อมาได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชา ให้เลื่อนขึ้นเป็น ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ ดูแลงานภูธร ก่อนมีคำสั่งให้กลับเข้ามาดูแลงานสำคัญในพื้นที่กรุงเทพตอนเหนือ ในตำแหน่ง ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2
ต่อมาได้ย้ายไปดำรงตำแหน่ง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพะเยา ต่อมาได้เลื่อนเป็น รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 และ ผู้บัญชาการ สำนักงานกำลังพล ก่อนย้ายมาดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการ สำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และโยกไปเป็น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ริเริ่มจัดทำโครงการ “ประชารัฐร่วมใจต้านภัยยาเสพติด (ปักกลด)” 1,472 หมู่บ้าน โดยให้ตำรวจเข้าไปคลุกคลี แก้ปัญหายาเสพติดร่วมกับชาวบ้านและฝ่ายปกครอง ท้องถิ่น สาธารณสุข ในชุมชนที่มีปัญหาแพร่ระบาดเป็นระยะเวลา 1 เดือนจนกว่าปัญหาคลี่คลายจนได้รับฉายา “เด่นปักกลด” และได้รับรางวัลป้องกันปราบปรามยาเสพติดดีเด่นจาก ปปส. นอกจากนี้ยังได้ริเริ่มโครงการ “สร้างสรรค์นวัตกรรมในการลดสถิติผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนบนพื้นฐานระบบงานสืบสวน อบถ.” ใน 8 จังหวัดภาคอีสาน ปัจจุบัน ตร. ได้นำมาเป็นตัวอย่างขับเคลื่อนในการลดอุบัติเหตุทางถนนกับทุกจังหวัด
จากนั้นได้รับการเลื่อนให้มาดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ต่อเนื่องจนเป็น รอง ผบ.ตร. โดยรับนโยบายที่สำคัญตรงจากรัฐบาล ให้แก้ไขปัญหาเด็กแว้นและหาแนวทางป้องกันอย่างจริงจังและต่อเนื่อง จัดตั้งศูนย์ปราบปรามการแข่งรถในทาง หรือ ศปข.ตร. ขึ้นมา มีศูนย์โซเชียล ตร. และ บช. เพื่อเฝ้าระวังและตรวจสอบการแข่งรถในทางทั่วประเทศ ประสานข้อมูลกับตำรวจพื้นที่เพื่อให้ติดตามสืบสวนจับกุม และรายงานผลการปฏิบัติอย่างเป็นระบบ ไม่ปล่อยให้ตำรวจพื้นที่ทำงานอย่างโดดเดี่ยว มอบรางวัลสายข่าวให้กับประชาชนที่แจ้งเบาะแส ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาเด็กแว๊นได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งถือเป็นผลงานที่สำคัญของรัฐบาลและ ตร. จนถึงทุกวันนี้
ผลงานที่สำคัญที่สุดนั้นคงหนีไม่พ้น การปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ตร. หรือ ศปอส.ตร. การทลายแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ที่อ้างเป็นตำรวจ , เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ , เจ้าหน้าที่บริษัท DHL ซึ่งมีการขยายผลไปจับกุมถึงประเทศกัมพูชา แบบถอนรากถอนโคน ครั้งล่าสุดมีการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายในประเทศกัมพูชา 94 ราย ถือเป็นการจับกุมครั้งใหญ่ที่สุดที่เคยมีมา นอกจากนี้ยังกวาดล้างเครือข่ายพนันออนไลน์ และอาชญากรรมทางเทคโนโลยีรายสำคัญ เช่น คดีเสี่ยโป้ จนนำไปสู่การยึดและอายัดทรัพย์จำนวนมาก , คดีทลายแท่นผลิตแบงค์ดอลล่าห์ปลอม คดีค้าอาวุธปืนออนไลน์ และคดีแก๊งปล่อยเงินกู้ ซึ่งล้วนแล้วแต่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนทั้งสิ้น
ที่สำคัญยังได้ขับเคลื่อนระบบ “การรับแจ้งความผ่านระบบออนไลน์” ที่ทันสมัยเข้ากับยุคดิจิตัล ตามแนวความคิดและนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ฯ อาจารย์นักสืบยุค 5G และ รัฐบาล 4.0 อีกด้วย โดยสามารถดึงตำรวจที่เป็นยอดฝีมือที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ทางด้านเทคโนโลยี และการสืบสวนสอบสวน มาช่วยวางระบบการรับแจ้งความออนไลน์ ทำให้ประชาชนที่ตกเป็นผู้เสียหายสามารถแจ้งความและติดตามคดีได้สะดวกขึ้น มองเห็นตัวเลขสถิติคดีออนไลน์ และแยกแยะรูปแบบกลโกงออกมาได้ทั้งหมด เห็นความเชื่อมโยงของคดี ตลอดจนติดตามอายัดเงินในบัญชีได้รวดเร็วขึ้นกว่าในอดีต อีกทั้งยังทำสื่อประชาสัมพันธ์ทุกรูปแบบเพื่อให้ประชาชนไม่หลงตกเป็นเหยื่ออีกด้วย
นอกจากนั้น พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ ยังได้ทำข้อตกลงความร่วมมือกับ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ก.อว.) ได้รับมอบทุนจากนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.อว. ส่งข้าราชการตำรวจไปศึกษาระดับปริญญาโท ด้าน Cyber security ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา , จีน , สเปน และเยอรมนี ปีละ 4 ทุน ติดต่อกัน 3 ปี รวม 12 ทุน ตั้งแต่ปี 2565-2567
“ หัวใจของการทำงานให้มีประสิทธิภาพ คือการติดตามและประเมินผล ” คำขวัญที่มักกล่าวกับผู้ใต้บังคับบัญชา และเพื่อนร่วมงานอยู่เสมอๆ นับได้ว่า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ เป็นทั้งนักปฏิบัติที่ผ่านประสบการณ์ทุกรูปแบบ และเป็นนักบริหารเชิงรุกตัวจริงที่สร้างรากฐานวางรูปแบบการทำงานให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างมากมา