ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » #ผัวน้ำมนต์คนล่าสุด !! อ้างก็ถูกหลอก

#ผัวน้ำมนต์คนล่าสุด !! อ้างก็ถูกหลอก

9 September 2017
585   0

           สามีคนล่าเททิ้งสาวแสบ”น้ำมนต์”อ้างไม่มีส่วนเกี่ยวข้องคดีหลอกเชิดเงินสินสอด อ้างตัวเองก็ตกกระไดพลอยโจนถูกหลอกมาเหมือนกัน

           แนวหน้า – ความคืบหน้ากรณีการจับกุม น.ส.จริยาภรณ์ บัวใหญ่ หรือภรณ์ หรือน้ำมนต์ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 574 หมู่ 11 ต.ศรีสงคราม อ.วังสะพุง จ.เลย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดจันทบุรี ที่ 190/2559 ลงวันที่ 8 กรกฎาคม 2559 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกง ภายหลังหลอกลวงชายหนุ่มผู้เสียหายที่รู้จักกันผ่านทางเฟซบุ๊ก ก่อนจะพูดคุยตีสนิทในเชิงชู้สาว จนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน ก่อนจะชักชวนลงทุนธุรกิจขายผลไม้ รวมทั้งอ้างว่ากำลังตั้งครรภ์ และขอให้ฝ่ายชายจัดงานแต่งงาน แต่ภายหลังกลับเชิดเงินสินสอดจากผู้เสียหาย แล้วหลบหนีไปรายละหลายแสนบาท จนผู้เสียหายต้องตกเป็นหนี้ ได้รับความเดือดร้อน รวมกว่า 14 ราย ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

           8 ก.ย.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ น.ส.จริยาภรณ์ ให้การรับสารภาพว่า ไม่ได้มีเจตนาในการกระทำเรื่องรางวทั้งหมด แต่ยอมรับว่าหลอกลวงแต่งงานตามที่ถูกระบุแค่ 7 ราย ไม่ได้มีมากมายอย่างที่โดนกล่าวหา เนื่องจากคนอื่นๆ ไม่ได้ถูกหลอกแต่ง แค่ฉ้อโกงในเรื่องธุรกิจที่ทำร่วมกันเท่านั้น  เพราะทุกคนยินยอมจะให้เงินกับตน เพื่อทำธุรกิจค้าขายผลไม้ร่วมกัน
          ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ถามว่า แล้วผู้ชาย 7 คน ที่คุณบอกว่าหลอกลวงเขานั้น คุณเคยรักใครสักคนในจำนวนนี้บ้างหรือไม่ ส่งผลให้ น.ส.น้ำมนต์ ถึงกับพูดไม่ออก และมีอาการสะอึกสะอื้น ก่อนที่จะเงียบไป

           ขณะที่ นายกิตติศักดิ์ ตันติวัฒน์กุล อายุ 33 ปี สามีคนปัจจุบัน กล่าวว่า ตนเป็นแค่สามีใหม่ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นอะไรเลย แค่ตกกระไดพลอยโจนมาด้วยเท่านั้น ต้องมารับข้อหาไปด้วย ผมคงเป็นอีก 1 ในผู้ชายที่คงโดนเขาหลอกเหมือนกันเพราะน้ำมนต์ก็บอกกับตนเช่นกันว่าท้องจึงยอมอยู่กินจะแต่งงานด้วย ทั้งนี้ไม่รู้เรื่องใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ทราบว่าน้ำมนต์มีพฤติกรรมหลอกลวงเช่นนี้ เพราะทุกครั้งที่ น.ส.น้ำมนต์ ออกไปจะอ้างว่าไปทำงาน ส่วนที่อยู่กินกับน้ำมนต์ด้วยเหตุจำเป็นผลพวงมาจากคดีที่ร่วมสร้างด้วยกันมา
           “ผมยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้อง พึ่งรู้ว่าภรรยาของผมไปแต่งงานซ้อนกับชายอื่น เพิ่งมารู้เพราะข่าวออกมาตอนปลายเดือน ส.ค.และก่อนหน้านี้น้ำมนต์โทรมาหาบอกว่าจะเข้ามอบตัว” นายกิตติศักดิ์ กล่าว

           มีรายงานว่า สำหรับการจับกุม น.ส.จริยาภรณ์ ชุดสืบสวนกองปราบปรามพบความเคลื่อนไหว ว่าหลังก่อเหตุได้มาอาศัยอยู่กับ นายกิตติศักดิ์ ตันติวัฒน์กุล อายุ 33 ปี สามีคนปัจจุบัน จึงได้ทำการลงพื้นที่กระทั่งจับกุมได้ที่ถนนตลาดเก้าแสน แยกกระทุ่มแบน ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร พร้อมของกลาง แอร์ 1 เครื่อง
          นอกจากนี้ ได้ขยายผลจับกุมนายกิตติศักดิ์ ได้ที่โรงแรมไลค์อินน์ ถนนพุทธมณฑล สาย 4 ต.กระทุ่มล้ม อ.สามพราน จ.นครปฐม ขณะร่วมหลับนอนกับผู้หญิงคนอื่น โดยอายัดรถยนต์ยี่ห้อนิสสัน สีขาว ทะเบียน 4 กจ 4319 กรุงเทพมหานคร และรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีดำ ทะเบียน 1 ฒถ 1219 ระยอง ไว้ตรวจสอบ ก่อนควบคุมตัวทั้งสองมาสอบสวนดำเนินคดีที่ บก.ป.
          ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติพบว่า น.ส.จริยาภรณ์ มีหมายจับติดตัวอยู่อีก 5 หมาย ประกอบด้วย ศาลจังหวัดธัญบุรี 274/2559 ลงวันที่ 19 มี.ค.ในฐานความผิดฉ้อโกง หมายจับศาลจังหวัดจันทบุรี ที่ 190/2559 ลงวันที่ 8 กรกฎาคม 2559 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกง , ศาลจังหวัดชุมพร ที่ จ.144/2559 ลงวันที่ 16 สิงหาคม 2559 ข้อหาฉ้อโกง , ศาลจังหวัดระยอง ที่ 417/2560 ลงวันที่ 5 กันยายน 2560 ข้อหายักยอกทรัพย์ และศาลจังหวัดเลย หลังจากหนีประกันในชั้นศาลในคดีฉ้อโกงและปลอมแปลงเอกสารราชการ ทั้งนี้ จากการสอบสวนพบว่า น.ส.น้ำมนต์ เริ่มหลอกลวงผู้ชายให้แต่งงานตั้งแต่ปี 54 ถึงปีนี้ นับเป็นเวลา 6 ปี มีผู้ชายตกเป็นเหยื่อ 13 คน

          สำหรับนายกิตติศักดิ์สามีปัจจุบันนั้น พบว่ามีหมายจับติดตัวตามหมายจับศาลจังหวัดจันทบุรี ที่ 190/2559 ลงวันที่ 8 กรกฎาคม 2559 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกง หลังร่วมกับ น.ส.จริยาภรณ์ ฉ้อโกงแผงทุเรียน ที่ อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี โดยจากการสอบปากคำนายกิตติศักดิ์ให้การว่า เดิมทีก็ถูก น.ส.น้ำมนต์ หลอกให้แต่งงานเช่นกัน โดยอ้างว่าท้องและแท้ง มีการเรียกสินสอด จำนวน 1 แสนบาท แต่ตนมีเพียง 5 หมื่นบาท จึงได้ทยอยจ่ายเงินที่เหลือ ก่อนตกลงอยู่กินด้วยกันและทำหน้าที่ขับรถให้ น.ส.น้ำมนต์
          เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวก่อนคุมตัว น.ส.จริยาภรณ์ ส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จ.ปทุมธานี รับไว้ดำเนินคดี ในส่วนของนายกิตติศักดิ์ เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี รับไว้ดำเนินคดีต่อไป
          ด้าน นายไพรัตน์ พึ่งสุข อายุ 28 ปี ชาว จ.เพชรบูรณ์ หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนเป็นเจ้าของรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีดำ ทะเบียน 1ฒถ 1219 ซึ่งเป็นของกลางที่สามารถยึดได้ขณะจับกุม น.ส.จริยาภรณ์ ในส่วนของรถตนได้แจ้งความไว้แล้วที่ สภ.เมืองระยอง นอกจากโดนขโมยรถแล้วตนยังโดนหลอกให้จ่ายเงินสด จำนวน 180,000 บาท สำหรับการกระทำดังกล่าวของ น.ส.จริยาภรณ์ ตนเสียความรู้สึกมากที่มาหลอกให้แต่งงาน และยังทำให้เป็นหนี้สิน ทำทีมาพูดจาดีว่าให้ไปทำธุรกิจด้วยจะสร้างอนาคตด้วยกัน ตนยืนยันว่า จะดำเนินคดีกับ น.ส.จริยาภรณ์ ให้ถึงที่สุด
สำนักข่าววิหคนิวส์