เชียงใหม่ – ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ควงนายก อบจ.เชียงใหม่ และ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 ขยับทันควัน ลงพื้นที่ตรวจสอบพลับพลาที่ประทับในหลวง ร.๙ บนดอยสุเทพ-ปุย หลังหม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล โพสต์ตำหนิปล่อยทิ้งร้างสภาพชำรุดทรุดโทรมหนักแทบพังครืน พบอยู่บนเส้นทางขึ้นยอดดอยปุย เผยเตรียมเร่งฟื้นฟูบูรณะซ่อมแซมใหม่หมดทั้งหลัง และพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้ โดย อบจ.เชียงใหม่รับเป็นเจ้าภาพ และเข้าพื้นที่สำรวจตั้งแต่ 3 สัปดาห์ที่แล้ว และอยู่ระหว่างการออกแบบ จากกรณีเมื่อวันที่ 27 ก.ค. 65 หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล โพสต์ภาพพลับพลาที่ประทับแห่งหนึ่งบนดอยสุเทพ-ปุย ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย จังหวัดเชียงใหม่ อยู่ในสภาพชำรุดทรุดโทรมอย่างหนัก ซึ่งพลับพลาดังกล่าวนั้น ในอดีตในหลวงรัชกาลที่ ๙ เคยใช้ประทับระหว่างเสด็จพระราชดำเนินทรงงาน เดินสำรวจพื้นที่รอบๆ ดอยปุยจนถึงโป่งแยง จนเกิด “โครงการหลวง” ขึ้นในปัจจุบัน โดยตำหนิผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และหลายหน่วยงานในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ที่ปล่อยปละละเลย วันนี้ (28 ก.ค. 65) นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยนายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และนายอิศเรศ สิทธิโรจนกุล ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 (เชียงใหม่) รวมทั้งคณะผู้เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบพลับพลาที่ประทับดังกล่าว ที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ระหว่างเส้นทางขึ้นยอดดอยปุย ซึ่งแยกออกไปจากทางไปบ้านขุนช่างเคี่ยน โดยเส้นทางนี้ปิดไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าออกนานแล้ว เบื้องต้นพบว่าพลับพลาที่ประทับดังกล่าวทำจากไม้ทั้งหลัง ปัจจุบันอยู่ในสภาพทรุดโทรมอย่างหนักและผุพังเสียหายเกือบทั้งหมด เนื่องจากถูกปล่อยร้างมานานหลายปี นับตั้งแต่ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินและทรงงานในพื้นที่เมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว ประกอบกับสภาพดินฟ้าอากาศในพื้นที่ส่งผลให้เกิดการผุพัง ทั้งนี้ ที่ผ่านมาทางจังหวัดเชียงใหม่มีแผนที่เตรียมจะดำเนินการบูรณะซ่อมแซมปรับปรุงฟื้นฟูสภาพพลับพลาที่ประทับหลังดังกล่าวให้กลับมาสมบูรณ์ใกล้เคียงหลังเดิมมากที่สุดและมีความแข็งแรงคงทนมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งปรับปรุงภูมิทัศน์และพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวและเรียนรู้ โดยที่ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ป็นหน่วยงานรับผิดชอบงบประมาณและดำเนินการ ซึ่งเมื่อประมาณ 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการลงพื้นที่สำรวจเก็บข้อมูลเพื่อวางแผนและออกแบบแล้วครั้งหนึ่ง ตลอดจนเตรียมขออนุญาตทางกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในการดำเนินการ เนื่องจากอยู่ในพื้นที่ของอุทยานฯ โดยจากนี้เตรียมประชุมหารือร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและดำเนินการให้เสร็จโดยเร็วที่สุด