ไพศาล พืชมงคล ผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี ได้โพสข้อความระบุว่า คดีแพ่งสนามบินการปฏิบัติต่อผู้ปกป้องชาติ กับ คนโกงบ้านกินเมืองใช้มาตรฐานเดียวกันหรือไม่และแล้ววันนี้ก็มาถึง เป็นเรื่องที่เพื่อนมิตรทราบอยู่แล้วว่า แกนนำพันธมิตร 13 คน ถูกฟ้องคดีแพ่งสนามบิน(ชุมนุนมที่ลานจอดรถของสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมือง)
แพ่งบังคับให้ชดใช้ค่าเสียหายจาก 3 บริษัท รวมเกือบสองพันล้านบาท
ที่แน่ๆ สนามบินสุวรรณภูมิ คนสั่งปิดตอนนั้น คือเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ กรรมการผู้จัดการบริษัทการท่าอากาศยาน(พี่เมียของวีระ มุสิกพงศ์)
คดีแรก บ.การท่าอากาศยานฟ้องเรา ไม่รู้ว่าเอาใจใคร คดีสิ้นสุดที่ศาลฎีกาแล้ว 1 คดี ทั้งๆที่โดยปกติ คดีแพ่งอันเกี่ยวเนื่องด้วยคดีอาญา ต้องรอคดีอาญาสิ้นสุด (กรณีนี้คดีอาญายังอยู่ในขั้นตอนสืบพยานโจทก์)
เบื้องต้นต้องชดใช้ 552 ล้านบาท รวมดอกเบี้บแล้วเกือบ 900 ล้าน เรื่องอยู่ระหว่างการบังคับคดีต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา บ.การท่าอากาศยานประกาศจะจ้างบริษัทเอกชนสืบทรัพย์(ค้นหาทรัพย์สิน)ทั้ง 13 คน
ทรรศนะส่วนตัวก็คิดกันว่า คดีการเมือง เราทำเพื่อบ้านเมือง ถ้าเราไม่ชุมนุมตอนนั้น วันนี้ อาจดีกว่าหรือเลวกว่าทุกวันนี้ สุดจะคาดเดา
แต่ถ้าถามว่า ย้อนเวลาได้ “ทำไหม” ต้องตอบว่า “ทำ” แต่อาจป้องกันตัวเองได้ดีกว่านี้คิดว่า ช่างมัน เป็นเรื่องบริษัทการท่าอากาศยาน ที่ต้องดำเนินการ อยากได้อะไรเอาไป
ปรากฏว่า เมื่อ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา กรมบังคับคดี ส่งเอกสารถึงทุกธนาคาร อายัดทุกบัญชีของพวกเรา แต่พึ่งทราบจริงวันนี้หลังจากเพื่อนโอนเงินมาให้ ไปกด ATM ไม่ได้ จึงไปติดต่อธนาคารจึงทราบเรืองทั้งหมด
อายัดทุกบัญชี จะกี่บาทก็ช่าง และมันคงจะเป็นภาวะแบบนี้ไปจนกว่าเขาจะสามารถยึดทรัพย์เราได้ทั้งหมด….มันเป็นเช่นนี้เอง ความรู้สึกเจ็บลึกในอก….
แม่เจ้าโว้ย !!!! ทีคนโกงชาติบ้านเมือง มันทำอะไรกันอยู่ทีกับคนที่ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ตนเอง เอ็งทำได้และรีบทำจุกในอกจริงๆ…แต่ไม่อาจสยบข้าได้หรอก ต่อให้ไม่มีเงินกินข้าว เพื่อนมิตรเรายังมีข้าวให้กิน
เอาเถอะ ………….
รีบมายึดไปให้หมด…..เร็วนะ…….
จาก line ในกลุ่ม ครป.
23/3/61