3 เม.ย. 2565 – เมื่อเวลา 09.30 น. ที่โรงแรมเซนเตอร์ พอยท์ เทอมินอล 21 จ. นครราชสีมา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปีครั้งที่ 1/2565 มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคเป็นประธาน โดยมีกรรมการบริหารพรรค สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และสมาชิกพรรคแต่ละจังหวัดทั่วประเทศที่เข้าร่วมประชุมมากกว่า 500 คน ขณะที่รัฐมนตรีของพรรคเดินมามาประชุมครบทุกคน ประกอบด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม นางสาวตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม
ต่อมาเวลา 10.00 น.ก่อนเข้าระเบียบวาระการประชุม เวลาประมาณ 10.00 น. พล.อ.ประวิตร กล่าวเปิดประชุมพร้อมกับสรุปผลงานของพรรคพลังประชารัฐว่า บ้านหลังนี้จะพัฒนาให้เป็นสถาบันทางการเมือง ที่มั่นคง เข้มแข็งสร้างประโยชน์ให้กับประเทศและประชาชน ด้วยความมุ่งมั่นทำงานให้พรรคอย่างเต็มที่ ผ่านโครงสร้างการทำงานภายในพรรค แบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบเป็น 10 ภาค ที่จะนำมาสู่การกำหนดนโยบายตามบริบทของพื้นที่ เพื่อตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะการส่งเสริม และยกระดับภาคการเกษตร ที่นับเป็นเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ ควบคู่ไปกับการดูแลเพิ่มทักษะแรงงาน รองรับการลงทุนในอนาคต เพื่อความกินดีอยู่ดีของประชาชนทั่วประเทศ
พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า พปชร. ได้เร่งแก้ไขปัญหาเรื่องที่ทำกิน และการบริหารจัดการน้ำให้ภาคการเกษตรสามารถมีน้ำใช้อย่างเพียงพอตลอดทั้งปี ส่งผลให้ประชาชนมีแหล่งน้ำเพื่ออุปโภค บริโภค และการเกษตร ซึ่งการบริหารจัดการน้ำยังควบคู่ไปกับแผนป้องกันอุทุกภัย มีการพัฒนาระบบการแจ้งเตือนในการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ จัดทำแผนแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างเป็นระบบ ทั้งในเรื่องเงินเยียวยาผ่านงบกลางของภาครัฐ ซ่อมแซมที่พักอาศัย มีการจัดถุงยังชีพให้กับประชาชน ผ่านส.ส.ของพปชร.เข้าไปดูแล ประสานงานช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง ในปีที่ผ่านมาได้เข้าไปดูแลราคาสินค้าเกษตร โดยเฉพาะในพืชเศรษฐกิจ 5 ชนิด ข้าว อ้อย ยางพารา มันสำปะหลัง และปาล์มน้ำมัน สามารถสร้างรายได้ให้กับภาคเกษตรได้มากกว่า 7 แสนล้านบาท พรรคยังคงยึดมั่นในการผลักดันนโยบาย 3 เสาหลักเพื่อประชาชนอย่างต่อเนื่องตามที่ให้คำมั่นกับประชาชน ทั้งในเรื่องสวัสดิการประชารัฐ เศรษฐกิจประชารัฐ และสังคมประชารัฐ
พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ช่วงการแพร่ระบาดโควิด 19 ได้เข้าไปดูแลประชาชนทั้งในการมอบอุปกรณ์การแพทย์ จัดสิ่งของเครื่องใช้อุปโภค บริโภคที่จำเป็นผ่านการทำงานพื้นที่ของส.ส. ทั่วประเทศ พร้อมกับผลักดัน 3 โครงการที่ประสบความสำเร็จ ประชาชนให้การตอบรับเป็นอย่างดีและเข้าร่วมโครงการ ได้แก่ โครงการคนละครึ่ง โครงการเราชนะ โครงการเราเที่ยวด้วยกันและในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ได้ผลักดันให้เกิดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางราง น้ำ บก และอากาศ ให้เกิดความพร้อมในการรองรับให้บริการกับประชาชน ที่มีความปลอดภัย และทันสมัย โครงการที่สำคัญ ได้แก่ โครงการรถไฟรางคู่ โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา รวมทั้งการเปิดประมูลรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล เพื่อแก้ไขปัญหาจราจรติดขัดให้กับประชาชน
หัวหน้าพรรคพปชร.กล่าวว่า พรรคประสบความสำเร็จในการผลักดันนโยบายการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) และเรือไฟฟ้า ที่กำลังพัฒนาโครงการต้นแบบ รวมถึงการดูแลความปลอดภัย ได้เร่งหน่วยงานของรัฐติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV )ทั่วประเทศ ส่วนปัญหาค้ายาเสพติด เป็นเรื่องที่พปชร. และรัฐบาลได้ร่วมกัน ดำเนินการทะลายวงจรค้ายาเสพติดมาอย่างต่อเนื่อง จากการดำเนินงานทั้งหมด ถือเป็นผลงานสำคัญของพรรค
” ผลงานของพรรคพลังประชารัฐที่ผมได้กล่าวมา ขอให้ทุกคนนำไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้ในสิ่งที่ตั้งใจ สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกคน ภายใต้บ้านพลังประชารัฐหลังนี้ เราคือครอบครัวเดียวกัน เราจะรักสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกัน ร่วมก้าวเดินไปด้วยกัน สร้างบ้านพลังประชารัฐให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ยึดมั่นในอุดมการณ์ชาติ สร้างความอยู่ดีกินดีให้คนไทยทุกคน เราจะร่วมใจกันทุกสิ่งทุกอย่าง แม้ขณะนี้รัฐบาลจะเผชิญกับวิกฤต ทั้งภัยสงคราม โควิด 19 แต่เราต้องช่วยกัน ทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ให้พลังประชาราษฎร์ ช่วยสร้างชาติที่ยั่งยืนตลอดไป”พล.อ.ประยุทธ์
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า พล.อ.ประวิตร ใช้เวลาในการกล่าวสรุปผลงานของพรรคพลังประชารัฐและรัฐบาล นานกว่า 30 นาที รวมถึงมีการถ่ายทอดสดผ่านเพจเฟซบุ๊ก พรรคพลังประชารัฐเป็นครั้งแรก อย่างไรก็ตาม หลังกล่าวเปิดประชุมและสรุปผลงานของพรรคพลังประชารัฐเสร็จ พล.อ.ประวิตรได้เดินทางกลับทันทีเนื่องจากมีภารกิจต่อในช่วงบ่าย
จากนั้นเวลา 10.30 น.ได้เข้าสู่วาระการประชุมเพื่อ เลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคแทนตำแหน่งที่ว่าง และคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส. โดยที่ประชุมมีมติเลือก พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ พล.อ.ธัญญา เกียรติสาร นายวิเชียร ชวลิต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายพรชัย ตระกูลวรานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นกรรมการบริหารพรรคแทนตำแหน่งที่ว่าง 4 ตำแหน่ง
นอกจากนี้ ยังมีการแต่งตั้งบุคคลเป็นคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ได้แก่ นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค พล.อ.ธัญญา กก.บห. นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการพรรค นายรงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช
ผู้สื่อข่าวรายงาน สำหรับพล.อ.กฤษณ์โยธิน เป็อนุกรรมการฝ่ายหารายได้ มูลนิธิป่ารอยต่อฯ เป็นอดีตฝ่ายเสนาธิการของ พล.อ.ประวิตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรมว.กลาโหม ส่วนพล.อ.ธัญญา เป็นอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 เคยถูกตั้งข้อสังเกตว่ามีบทบาทเบื้องหลังในทางการเมืองพื้นที่ภาคอีสาน ช่วงการเลือกตั้งที่ผ่านมา ขณะที่นายวิเชียรและนายพรชัย เคยเป็นกรรมการบริหารพรรคมาแล้ว โดยนายวิเชียรเคยเป็นนายทะเบียนพรรค ส่วนนายพรชัยเป็นเหรัญญิกพรรคในคณะกรรมการบริหารพรรคชุดแรก