ความเคลื่อนไหวในเฟซบุ๊ก “คนรุ่นใหม่เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคม มอส.” ได้เชิญชวนประชาชนและนักศึกษาลงชื่อถอดถอน กกต. ผ่าน www.change.org และมีการตั้งโต๊ะลงชื่อตามจุดในพื้นที่มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั่วประเทศ เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าธนบุรี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยบูรพา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ล่าสุด มีผู้ลงชื่อรณรงค์ถอดถอน กกต.กว่า 8 แสนราย โดยตั้งเป้าไว้ที่ 1 ล้านรายชื่อ
องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้มีการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต. เช่นเดียวกับ องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น ออกแถลงการณ์ขอให้ กกต. แสดงความรับผิดชอบต่อความผิดพลาดในการจัดการเลือกตั้ง ขณะที่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน ตั้งโต๊ะลงชื่อถอดถอน กกต. แต่เจ้าหน้าที่ ขอให้ไปตั้งโต๊ะด้านนอกมหาวิทยาลัย เพราะไม่ได้ขออนุญาตใช้พื้นที่
นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภา นิติบัญญัติแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ บอกว่า การที่นักษาล่าชื่อถอดถอนเป็น จิตวิทยาเพื่อกดดันกกต แต่ล่าสุดมีการล่าชื่อนิสิตนักศึกษาในหลายมหาวิทยาลัยด้วยแบบฟอร์มพร้อมบัตรประชาชน แต่ถึงจะได้จำนวนเท่าใดก็ไม่มีผลทางกฎหมายแต่อย่างใด เพราะรธน.แห่งราชอาณาจักรไทยฉบับนี้ ไม่ได้ให้อำนาจ สนช. ถอดถอนกรรมการในองค์กรอิสระ แต่มอบอำนาจให้ศาลฎีกา หรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นผู้พิจารณาพิพากษาคดี โดยต้องดำเนินการผ่านปปช.
สำหรับรัฐธรรมนูญ ปี 60 มาตรา 235 เปิดช่องให้ถอดถอด กกต. ได้หากพบว่า มีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยยื่นผ่าน ป.ป.ช. ให้ไต่สวนข้อเท็จจริง และหากมีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของกรรมการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่เห็นว่าผู้นั้นมีพฤติการณ์ หรือกระทําความผิดตามที่ไต่สวนให้ดําเนินการดังต่อไปนี้
1. รวบรวมรายชื่อประชาชน 2 หมื่นคน
2. นำเรื่องร้องต่อ ป.ป.ช.
3. หากป.ป.ช. มีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง ให้ส่งเรื่องต่อไปยังประธานศาลฏีกา
4. แต่งตั้งผู้ไต่สวนอิสระ พิจารณาว่าจะถอดถอน กกต. หรือไม่.
Cr.one31
สำนักข่าววิหคนิวส์