การดำเนินคดีกับนักกฎหมายกรณีที่ศาลจังหวัดมุกดาหาร ได้ออกหมายจับผู้ต้องหา
……………\\\\\\………………
โดย ดร.สุกิจ พูนศรีเกษม นักวิชาการด้านกฏหมาย
ศึกษากรณี “ลุงพล”ถูกศาลออกหมายจับ แล้วมีนักกฏหมายกับภรรยาผู้หาพาผู้ต้องหาหลบหนีมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
สำนักข่าวเดลินิวส์ ได้นำเสนอข่าว “มือปราบก้านมะยม”ได้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษนักกฏหมายคนหนึ่งในอตีดเคยเป็นพี่น้องร่วมสาบาน ว่า ร่วมกับภรรยา ผู้ต้องหา กระทำความผิด ฐานพาคุณ”ลุง”คนดังแห่งบ้านกกกอก หลบหนี หมายจับ
เนื้อหาที่หนังสือพิมพ์ลงข่าวนั้น เป็นกรณี ที่ศาลจังหวัดมุกดาหาร ได้ออกหมายจับ ผู้ต้องหาคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.64
ก่อนที่คุณลุง จะเดินทางมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในวันรุ่งขึ้น ได้เดินทางมาพร้อมกันที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ถูกจับกุมเสียก่อน
จึงถูกควบคุมตัวมาลงบันทึกการจับกุมที่ สน.ปทุมวัน”มือปราบก้านมะยม “ประกอบอาชีพ#กรรมกร# อั๊บเกรดตนเองเป็นปรมาจารย์กฏหมายไร้สังกัดในทำเนียบนักกฏหมาย
ปัจจุบันประกอบอาชีพเป็น นักรบ”กล่าวโทษ”ทั่วราชอาณาจักร์ไทย
เมื่อมีคดีสำคัญตามสื่อมวลชน ท่าน”มือปราบ”ก็จะโหนกระแสเข้าไป#เสือก# ทุกเรื่อง “การไปแจ้งความ เพื่อสร้างภาพว่าทำเพื่อสังคมโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
ยืนยันว่าเมื่อนักกฎหมายกับภรรยาผู้ต้องหา รู้อยู่แล้วว่าลุงคนดังเป็นบุคคลตามหมายจับ การพาหลบหนี มาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสื่อมเสีย อันเป็นความผิดตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 189 นั้น
คดีมีปัญหาที่จะต้องพิจารณาคือ นักกฏหมายในอตีดเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับภรรยาผู้ต้องหา ได้กระทำความผิดตามที่มือปราบ”ก้านมะยม”กล่าวหาหรือไม่
เห็นว่า นักกฏหมายชื่อดังกับภรรยาผู้ต้องและพวกได้ ประกาศต่อสื่อมวลชนแสดงเจตนาเข้ามอบตัวกับท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ชึ่งเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนนั้น เนื่องจาก ท่านเป็นผู้มีส่วนร่วมสอบสวนและดำเนินคดีกับผู้ต้องหานี้เป็นคดีสำคัญ จึงอยากมอบตัวกับท่าน เพิ่อเป็นหลักประกันว่า ไม่ได้หลบหนีไปไหน
หากนักกฎหมายชื่อดังและภรรยามีเจตนาจะพาผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลหลบหนีตามของกล่าวหา ก็ไม่มีเหตุผลใดที่นักกฏหมายและภรรยาผู้ต้องหาจะพาผู้ต้องหาหลบหนีมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้เป็นผลร้ายแก่ตนเองและผู้อื่น
. กรณีลักษณะนี้ ศาลฎีกาเคยวินิจฉัยว่า “ในชั้นสอบสวนการที่ผู้ต้องหาถูกศาลออกหมายจับนั้น ก็ให้ได้ตัวมาสอบสวนในฐานะผู้ต้องหา เพื่อนำไปศาลผลัดฟ้อง
คดีคุณลุงยังไม่มีคำพิพากษาว่าเป็นผู้กระทำความผิดตามข้อกล่าวหาถึงที่สุดแล้ว กล่าวคือ อัยการจะฟ้องคดีนี้หรือเปล่ายังไม่รู้ เลย
กรณีจึงหาใช่ศาลออกหมายจับผู้ต้องหากระทำผิดแล้วหลบหนีไมไปศาลอันเป็นการช่วยเหลือผู้ต้องหาไม่ต้องรับโทษ หรือช่วยเหลือด้วยปราการใดๆโดยไม่ต้องถูกจับกุม
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การกระทำดังกล่าวยังไม่เป็นความผิดตามประมวลกฏหมายอาญามาตราท189ตามนัยคำพิพากษาแนวฎีกาที่ 207/2517
การกระทำของมือปราบก้านมะยม กับพวก. ไม่น่าจะไปถึงดวงดาว ตามที่ “ห้อย”เสนอแนะ. จึงเป็นกรณีศึกษา
ดร.สุกิจ พูนศรีเกษม