วันนี้ (4 ก.ค. 66) เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 4 ก.ค. 66 ที่อาคารรัฐสภา ตัวแทนกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา (ส.ว.) และนายสมชาย แสวงการ ประธาน กมธ. สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค กรณีเรียกร้องสมาชิกวุฒิสภาไม่ให้ความเห็นชอบบุคคลที่มีพฤติกรรมล้มล้างสถาบันหลักของชาติเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สืบเนื่องจากกรณีการอภิปรายของนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในเวทีเสวนาหัวข้อ “ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และรัฐธรรมนูญ” ณ หอประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ วันที่ 24 มิ.ย. 66 ที่ผ่านมา
โดยเนื้อหาตอนหนึ่งระบุว่า “รอบนี้ฟ้าใหม่ ไม่ว่าประธานสภาก็คงจะไม่ใช่คนเดิม รวมถึงนายกรัฐมนตรี ซึ่งผมเชื่อมั่นว่าจะชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เราจะได้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงและเราจะได้เฉลิมฉลองวันที่ 24 มิ.ย. ในฐานะวันชาติด้วยกัน” ซึ่งได้สร้างความไม่สบายใจให้กับพี่น้องประชาชนคนไทยเป็นจำนวนมาก ว่าจะเป็นการสร้างเงื่อนไขซึ่งนำไปสู่การล้มล้าง สร้างความแตกแยก ให้เกิดกับบ้านเมืองและคนในชาติ
จากนั้น เมื่อวันที่ 2 ก.ค. 66 ที่ผ่านมา ศปปส.ได้เดินทางไปยื่นหนังสือต่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล เพื่อขอทราบจุดยืนของพรรคต่อแนวคิดดังกล่าว โดยมีผู้แทนของพรรคก้าวไกลมารับหนังสือ และชี้แจงว่า นั่นเป็นเพียงการแสดงความเห็นส่วนตัว และพรรคมีจุดยืนในระบอบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งคำชี้แจงดังกล่าวยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอ เมื่อพิจารณาจากเนื้อหาการอภิปรายที่เชื่อมโยงกับพรรคก้าวไกล ประกอบกับนายรังสิมันต์เป็นสมาชิกระดับแกนนำที่ย่อมรู้ทิศทางยุทธศาสตร์ระดับเชิงลึก ซึ่งรวมถึงพฤติกรรมที่ผ่านมาของแกนนำพรรคคนอื่นๆ ที่อ้างวาทกรรมปฏิรูปสถาบัน และสนับสนุนการแก้ไขมาตรา 112
ดังนั้น ศปปส.จึงขอเรียกร้องไปยังสมาชิกวุฒิสภาทั้ง 250 ท่านที่จะมีส่วนร่วมในการออกเสียงให้ความเห็นชอบบุคคลที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โปรดพิจารณาข้อเท็จจริงข้างต้น ตลอดถึงเหตุผลอื่นๆ ที่สมาชิกวุฒิสภาย่อมสามารถเข้าถึงได้อย่างลึกซึ้งกว่าประชาชนทั่วไป และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า สมาชิกวุฒิสภาจะเป็นกลไกอันเป็นที่พึ่งของประชาชน เพื่อสกัดกั้นความพยายามที่จะบ่อนทำลายสถาบันหลักของชาติ เพื่อหยุดวิกฤตความขัดแย้งของคนในชาติโดยอาศัยกระบวนการรัฐสภา โปรดพิจารณาไม่ให้ความเห็นชอบต่อบุคคลมีมีพฤติกรรมล้มล้างสถาบันหลักของชาติเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ตัวแทน ศปปส.กล่าวทิ้งท้ายว่า ถ้าพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาลแล้ว ยังยืนยันจะยกเลิก แก้ไข หรือแตะต้อง ม.112 อุปสรรคของพรรคก้าวไกล ก็คือ ศปปส.
ต่อมา ในเวลา 11:15 น. กลุ่มรามคำแหงรักสถาบัน ได้เข้ายื่นหนังสือต่อในกรณีเดียวกัน เพื่อขอให้สมาชิกวุฒิสภายึดหลักปกป้องสถาบันในการออกเสียงให้ความเห็นชอบบุคคลที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จากสถานการณ์ที่ประเทศกำลังเข้าสู่ขั้นตอนของการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ หลังการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค. 66 ประชาชนคาดหวังว่า การเปลี่ยนผ่านอำนาจการบริหารประเทศจะเป็นไปอย่างราบรื่น และสามารถบริหารประเทศเพื่อสร้างการพัฒนาให้เกิดประโยชน์ต่อคนในชาติ ยืนอยู่บนเวที โลกได้อย่างเต็มภาคภูมิ แต่การณ์กลับปรากฏว่า นักการเมือง พรรคการเมืองบางพรรคที่มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลกลับยังคงสร้างประเด็นที่ส่อไปในทางสร้างความแตกแยกของคนในชาติด้อยค่าสถาบันหลักจากนโยบายแก้ไขมาตรา 112
โดยกลุ่มรามคำแหงรักสถาบัน เห็นว่าพรรคก้าวไกล ซึ่งอยู่ระหว่างการจัดตั้งรัฐบาล ยังไม่ได้แสดงท่าทีจุดยืนที่ชัดเจนต่อเรื่องดังกล่าว อ้างแต่เพียงจุดขึ้นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นมุข และยังมีพฤติกรรมปกป้องสมาชิกพรรครายดังกล่าว พวกเราจึงขอเรียกร้องตวุฒิสภา ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการออกเสียงให้ความเห็นชอบบุคคลที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้โปรดนำพฤติกรรมของสมาชิก และแกนนำพรรคก้าวไกลมาประกอบการตัดสินใจออกเสียงบนพื้นฐานของการยุติความขัดแย้งสร้างความรู้รักสามัคคีของคนในชาติ