พิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้โพสข้อความลงเฟสบุ๊ค Pibhop Dhongchaiวัฒนธรรมคนไทยที่หล่อเลี้ยงระบบกับการคิดสร้างวัฒนธรรมใหม่
เมื่อหลายวันก่อน ได้กินข้าวพูดคุยกับเพื่อนๆที่ร่วมก๊วนคุ้นเคยกันมานาน เพื่อนเหล่านี้ล้วนเป็นคนดีที่ไม่เคยนิ่งเฉยต่อการเปลี่ยนแปลงสังคม
บางคนเป็นข้าราชการ บางคนเป็นนักธุรกิจ บางคนเป็นสื่อมวลชน บางคนเป็นอาจารย์ บางคนเป็นหมอ บางคนเป็นนักเคลื่อนไหวเพื่อสังคม บางคนเป็นนักการเมือง ซึ่งล้วนทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด เมื่อมีโอกาสถูกเชิญชวนให้เข้าไปทำงานในตำแหน่งต่างๆ กรรมการชุดต่างๆ หรือตำแหน่งรัฐมนตรี ตำแหน่งการเมือง ไม่ว่าจะอยู่ในระบบการเมืองแบบไหน ต่างเข้าไปรับตำแหน่งนั้นๆด้วยเหตุผลว่า “จะเข้าไปเพื่อทำสิ่งที่ดี”
ผมเกิดอารมณ์แบบไหนก็หารู้ได้ โยนประเด็นคำถามเข้าไปในวงสนทนาว่า
สิ่งที่เราทำอยู่นั้น มันทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้นจริงหรือ ทำให้ลดจำนวนคนยากไร้ไปได้มากแค่ไหน ทำให้ลดความเหลื่อมล้ำ ลดความ(ไม่)เท่าเทียม ตามที่เราชูธงกันเสมอมา ให้ลดน้อยลง และที่สุด”ความเป็นธรรมของสังคม” ดีขึ้นไหม
๕๐ ปีในช่วงอายุของการเคลื่อนไหวในสมัยของพวกเรา เราก็วนเวียนอยู่กับบทบาทแบบนี้มาตลอด จากนักศึกษาวัยหนุ่มสาว จนโตเป็นผู้ใหญ่สูงวัยในวันนี้
นี่จะถือว่าเป็นยุทธศาสตร์ของนักเคลื่อนไหวทางสังคมที่มีประสิทธิภาพได้ไหม และการกำหนดยุทธวิธี หรือบทบาทของแต่ละคนดังกล่าว มันเพื่อสนองตัณหาของตัวเอง โดยอ้างว่าการเข้าไปทำงานนั้น จะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น
ผมย้อนกลับคำถามไปว่า การทำเช่นนี้ใช่หรือไม่ที่ทำให้ระบบที่เลวร้ายมันเดินอยู่ได้ในสังคมไทย
ไม่ว่าจะเป็นระบบเผด็จการทหาร ระบบการเมืองประชาธิปไตยที่ฉ้อฉน ระบบคอรัปชั่น หรือระบบราชการที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นตัวถ่วงการเปลี่ยนแปลง สลับไปสลับมา ตั้งแต่ยุค ๒๔๗๕
และเมื่อมองไปที่ผู้หลักผู้ใหญ่ที่พวกเราเคารพนับถือ ก็ล้วนสนับสนุนให้เราเข้าไปทำการเช่นนั้น
ถึงเวลาหรือยังที่พวก “คิดดี หวังดี” ที่เชื่อว่าตัวเองฉลาดหลักแหลม และเป็นคนดี อย่างพวกเรา จะกลับมาคิดทบทวนบทบาทของตัวเองกันใหม่ เพื่อกำหนดเยุทธศาตร์ต่อการเปลี่ยนแปลงสังคมใหม่
โดยมุ่งหา”กุญแจ”ดอกใหม่ และจินตนาการใหม่ เพื่อใช้ไขประตูไปสู่การเปลี่ยนแปลงสังคมใหม่ เหมือนวงการวิทยาศาตร์ วงการแพทย์ วงการเศรษฐกิจ วงการวรรณกรรม วงการทหาร วงการเทคโนโลยี หรือหลายวงการ ในประวัติศาสตร์
เมื่อเราย้อนกลับไปดู”ประวัติศาสตร์ขยาย” จะพบตัวอย่างหลากหลายในหลายประเทศในโลกใบนี้ ที่คิดว่าจะต้องไม่ให้ประเทศของตนกลับไปสู่สภาวะเลวร้ายเช่นในอดีต นักคิด ปัญญาชน นักวิทยาศาสตร์ นักการศาสนา หรือนักอะไรต่อมิอะไร ต่างทุ่มสุดตัว เพื่อค้นหา”กุญแจ”ดอกนั้น เพื่อนำมาใช้ไขสู่สังคมใหม่
พวกเราในวัยเดียวกัน ทำเรื่องราวในสังคมต่างๆมามากมาย สังคมไทยก็มีอาการกลับไปกลับมา ระหว่างความเลวกับความดี ระหว่างความถูกกับความผิด เรามาระดมหาบทบาทใหม่ของเรากันดีกว่าไหม เพื่อให้สังคมก้าวเดินไปข้างหน้า ไม่เป็น”สังคมกลับไปกลับมา” ที่ทำให้เราไม่เหนื่อยเปล่า หรือที่ภาษาตลาดใช้คำว่า “เตะหมูเข้าปากหมา” อยู่ร่ำไป
นี่คือโจทย์ที่ผมโยนเข้าไปในวงสนทนา ที่ขอมาขยายประเด็นเพื่อโยนโจทย์นี้เข้าสู่โลกของสังคม Socian media ให้ช่วยกันคิด ให้กว้างขวางออกไป
ตัวผมเองนั้นขอทำโจทย์เรื่องการศึกษา เรื่องการพัฒนามนุษย์ และเรื่องการเมืองภาคประชาชน ต่อไปอีกระยะหนึ่ง โดยจะหา”กุญแจ”ดอกนั้นให้เจอ และหวังว่าจะเจอไม่เกิน ๘ ปีข้างหน้านี้
สำนักข่าววิหคนิวส์