วันนี้ (20 ก.พ.66) เวลา 10.00 น. ที่วิทยาลัยเสนาธิการทหาร ถ.วิภาวดี-รังสิต นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อผู้บัญชาการวิทยาลัยเสนาธิการทหาร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ เพื่อขอให้ตรวจสอบอดีตนักศึกษาหลักสูตรเสนาธิการทหาร รุ่นที่ 61 ปีการศึกษา 2563 ซึ่งเป็นอดีต ผช.เลขาฯรองประธานสภาฯ คนที่ 2 ว่าผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติให้เข้าเรียนชอบหรือไม่
ทั้งนี้สืบเนื่องจากบุคคลดังกล่าว เคยถูกศาลพิพากษาให้จำคุกเป็นนักโทษเด็ดขาดในเรือนจำคลองเปรมเป็นเวลากว่า 4 ปี 10 เดือน 26 วัน ในข้อหาปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธฯ ร่วมกันข่มขืนใจและหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น ร่วมกันมีอาวุธปืนและพาติดตัวไป และยังถูกแจ้งความดำเนินคดีเป็นกรณีพิพาทอีกหลายคดี ซึ่งน่าจะไม่สอดคล้องกับคุณสมบัติของผู้ที่จะผ่านเกณฑ์เข้ารับการศึกษาตามหลักฐานการอนุมัติหลักสูตร ตามคำสั่ง บก.ทท. (เฉพาะ) ที่ 400/44 ลงวันที่ 5 พ.ค.44 จากภาคเอกชนในข้อ ค. 3. (3.2 และ 3.7) ที่กำหนดว่าต้องเป็นผู้ที่ประกอบธุรกิจที่มีความสำเร็จฯ และมีประสบการณ์ในการทำงานที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงแห่งชาติฯ หรือเป็นบุคคลที่ทำประโยชน์แก่สังคม และเป็นที่ยอมรับของสังคม
แต่ทว่าเมื่อเทียบเคียงกับคุณสมบัติของอดีต ผช.เลขาฯรองประธานสภาฯ คนที่ 2 ทั้งหมด ไม่น่าจะตรงกับคุณสมบัติที่จะผ่านเกณฑ์การเข้ารับการศึกษาในหลักสูตรดังกล่าวแต่อย่างใด
นอกจากนั้น ยังจะต้องสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากสถาบันอุดมศึกษาที่สำนักงาน ก.พ. ให้การรับรองหรือเทียบคุณวุฒิให้ แต่ทว่าจากการสืบค้นพบว่า บุคคลดังกล่าวเคยอ้างว่าได้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี จาก Jones College, Florida, USA. วุฒิการศึกษาที่ได้รับคือ Bachelor of Business Administration ระดับปริญญาโท จาก Dowling College, New York, USA. วุฒิการศึกษาที่ได้รับคือ Master of Business Administration ซึ่งเมื่อตรวจสอบค้นหาการรับรองคุณวุฒิด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ของสำนักงาน ก.พ. ยังไม่ปรากฏว่าได้รับการรับรองหรือเทียบคุณวุฒิให้แต่อย่างใด แต่ทว่าในเอกสารการวิจัยของบุคคลดังกล่าว ที่จะต้องทำวิจัยก่อนจบการศึกษาหลักสูตรเสนาธิการทหารกลับใช้คำว่า “ดร.” นำหน้าชื่อของตน จึงไม่ทราบว่าจบปริญญาเอกมาตั้งแต่เมื่อใด
ที่สำคัญบุคคลดังกล่าว ก่อนที่จะจบการศึกษากลับได้รับการประกาศเกียรติคุณยกย่องว่าเป็น “นักศึกษาดีเด่น” และ “ได้รับรางวัลเอกสารวิจัยดีเด่น” อีก ถึงขนาดถูกบันทึกชื่อในผนังกำแพงหรือหอเกียรติยศของวิทยาลัยด้วย จึงเป็นที่น่าเคลือบแคลงสงสัยเป็นอย่างยิ่ง
ด้วยเหตุดังกล่าวสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธณรมนูญไทย จึงนำความมาร้องให้ผู้บัญชาการ/เลขาธิการวิทยาลัยเสนาธิการทหารได้ตรวจสอบ หากพบว่าไม่ถูกต้องให้ดำเนินการตามระเบียบของวิทยาลัยหรือสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ และดำเนินการลงโทษหรือเพิกถอนตามระเบียบขั้นสูงสุดต่อไป นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด