วันนี้(30ม.ค.66)เวลา 10.00 น. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องถึงนายกเทศมนตรีนครปากเกร็ด จ.นนทบุรีเพื่อขอให้ตรวจสอบเจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษดิ์ที่สั่งรื้อถอนอาคารกุฏิสงฆ์ทั้ง 11 หลัง มีการยื่นขออนุญาตชอบด้วยกฎหมายควบคุมอาคาร 2522 หรือไม่
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษฏ์ พระอารามหลวง องค์ปัจจุบันซึ่งได้อ้างว่าได้ร่วมกับหน่วยงานของรัฐบางหน่วย จัดทำโครงการ 5 ส. เพื่อปรับปรุงสถานที่เขตกัมมัฏฐาน (บริเวณหลังวัด) ซึ่งมีกุฏิที่พักอาศัยของสงฆ์จำนวนกว่า 70 หลัง แต่ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 5 ส.ค.65 ก็ได้สั่งการให้มีการนำเครื่องจักรขนาดใหญ่และคนงานเข้ามาทยอยรื้อทุบทำลายศาลาธรรมและเสนาสนะหรือกุฏิสงฆ์ในพื้นที่ดังกล่าวไปแล้วกว่า 11 หลัง และสั่งให้พระที่จำพรรษาอยู่ในกุฏิแต่ละหลัง (ช่วงเข้าพรรษาระหว่างวันที่ 14 ก.ค.-10 ต.ค.65) ออกไปเสียจากกุฎิตั้งแต่กลางพรรษาดังกล่าว ทำให้พระในวัดดังกล่าวจำนวนมากเดือดร้อน
การรื้อถอนอาคารสิ่งปลูกสร้างภายในวัดวาอารามนั้น แม้จะได้รับการยกเว้นตามกฎกระทรวง แต่ทว่าในปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายเพื่อควบคุมการก่อสร้างไว้เป็นการเฉพาะ ดังนั้น กระทรวงมหาดไทยจึงมีหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อแจ้งให้ท้องถิ่นทุกท้องถิ่นให้บังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอนและเคลื่อนย้ายวัดวาอารามหรืออาคารต่าง ๆ ที่ใช้เพื่อการศาสนาทุกแห่งจะต้องขออนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น โดยต้องมีวิศวกรเป็นผู้รับผิดชอบในการคำนวณออกแบบและควบคุมงาน เสียก่อน
นอกจากนั้น มหาเถรสมาคมยังมีมติที่ 331/2555 ให้ผู้ดำเนินการเกี่ยวกับอาคารโบราณสถาน วัดวาอาราม หรืออาคารต่าง ๆ ที่ใช้เพื่อการศาสนาทั่วประเทศจะต้องส่งแผนผังบริเวณ แบบแปลนการรื้อถอนและรายการประกอบแบบแปลนที่ถูกต้อง และเป็นไปตามกฎกระทรวง ข้อบัญญัติท้องถิ่น ตาม พรบ.ควบคุมอาคาร 2522 ก่อนไม่น้อยกว่า 30 วันด้วย
ดังนั้น เมื่อเจ้าอาวาสวัดชลประทานฯ ซึ่งเป็นถึงพระราชาคณะชั้นราช สั่งให้มีการรื้อถอนกุฏิสงฆ์ 11 หลังไปแล้วนั้น เท่าที่ตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบการขออนุญาตตามกฎหมายแต่อย่างใด อาจถือได้ว่าความผิดสำเร็จไปแล้ว วันนี้สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงต้องนำความพร้อมพยานหลักฐานมาร้องเรียนให้เทศบาลนครปากเกร็ดได้ตรวจสอบ หากพบว่าเป็นการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายก่อนแล้วไซร้ ให้นายกเทศมนตรีนครปากเกร็ดสั่งการให้ดำเนินการเอาผิดตามครรลองของกฎหมายต่อไป นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด