ศาลรัฐธรรมนูญใช้เวลาเพียงประมาณ 17 นาทีในการอ่านคำพิพากษา ก่อนจะมีคำวินิจฉัยออกมาว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ซึ่งเป็น ส.ส.พะเยา และ รัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ ไม่ขาดคุณสมบัติในการเป็น ส.ส.และรัฐมนตรี ถึงว่าแม้ ร.อ.ธรรมนัสจะยอมรับว่าเคยต้องคำพิพากษาคดียาเสพติดที่ประเทศออสเตรเลีย ในต่างประเทศ ก่อนสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. จริง
โดยเหตุผลสำคัญที่ศาลวินิจฉัยว่า ร.อ.ธรรมนัส ไม่ขาดคุณสมบัติ ก็คือ
1. คดียาเสพติดของ รอ.ธรรมนัส เป็นการกระทำความผิดในต่างประเทศไม่ใช่การกระทำผิดในประเทศไทย
2. แม้คุณธรรมนัสจะยอมรับว่าถูกพิพากษาลงโทษจริง แต่เป็นการลงโทษตามคำพิพากษาของศาลแขวงรัฐนิวเซาท์เวลส์ ไม่ใช่คำพิพากษาของศาลไทย
3. คำพิพากษาตามรัฐธรรมนูญไทยหมายถึงคำพิพากษาของศาลไทยเท่านั้น ไม่รวมถึงคำพิพากษาของศาลต่างประเทศ
นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยนายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ร่วมกันแถลงข่าวในฐานะผู้ยื่นคำร้องกรณีนี้ ระบุว่า รู้สึกผิดหวังกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยมองว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญขัดกับการตีความกฎหมายและหลักกฏหมายที่เคยปฏิบัติมา ตั้งแต่ปี 2525
ที่กระทรวงมหาดไทยเคยทำหนังสือขอความเห็นจากคณะกรรมการกฤษฎีกา กรณีที่รัฐธรรมนูญ ซึ่งตอนนั้นคือ รัฐธรรมนูญฉบับปี 2521 กำหนดลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่จะเข้ารับสมัครเป็น ส.ส. ว่า “เป็นบุคคลที่เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งให้จำคุก” โดยถามไปว่า “หมายความเฉพาะการถูกจำคุกในประเทศไทย หรือรวมถึงการถูกจำคุกในต่างประเทศด้วย”
ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ให้ความเห็นว่า การห้ามผู้เคยต้องคำพิพากษาลงสมัครรับเลือกตั้ง เพราะเห็นว่าเป็นบุคคลที่มีความประพฤติไม่เหมาะสม ดังนั้นถ้าเคยถูกจำคุกไม่ว่าด้วยศาลในประเทศ หรือต่างประเทศ ก็ถือว่าขาดคุณสมบัตรสมัคร ส.ส. เพราะหากนับเฉพาะเป็นความผิดในประเทศก็จะเกิดการลักลั่น ไม่เป็นธรรม
อย่างไรก็ตามหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ร.อ.ธรรมนัส ไม่ขาดคุณสมบัติ ทางพรรคก้าวไกลบอกว่า จะดำเนินการตามช่องทางของกฎหมายอีกทาง คือ ยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.ให้ดำเนินการเอาผิดกับร้อยเอกธรรมนัส ฐานผิดมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง และเห็นว่า แม้จะมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว แต่นายกรัฐมนตรีจะควรพิจารณาทบทวนในการให้ ร.อ.ธรรมนัส เป็นรัฐมนตรี
หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยกรณีของ ร.อ.ธรรมนัส ในโลกออนไลน์ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้กันอย่างมาก จนทำให้ แฮชแท็ก #ธรรมนัส และ #มันคือแป้ง ติดอยู่ในอันดับต้นๆของเทรนด์ทวิตเตอร์ และคำว่า “ธรรมนัส” ก็เป็นคำที่มีการค้นหามากอันดับต้นๆ ในกูเกิล หลายคนแสดงความเห็นทำนองว่า แบบนี้ถ้าไปทำไม่ดีในต่างประเทศ ก็ยังสามารถกลับมาเป็นรัฐมนตรีที่ไทยได้ใช่ไหม
ขณะที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โพสต์แสดงความเห็นว่า คำวินิจฉัยของศาลเกินความคาดหมายไปมาก เพราะระบุว่าแม้ศาลออสเตรเลียจะมีคำพิพากษาลงโทษจำคุกธรรมนัสในคดียาเสพติดจริง แต่เป็นศาลออสเตรเลีย ไม่ใช่ศาลไทย จึงไม่มีลักษณะต้องห้ามการเป็นรัฐมนตรี
และตั้งข้อสังเกตว่า “คำวินิจฉัยนี้จะเป็นบรรทัดฐานใหม่ในสังคมไทยหรือไม่ว่า ไม่ว่าจะเป็นอาชญากรหรือนักโทษมาจากไหน แต่ประเทศไทยจะเปิดโอกาสให้คนเหล่านี้เป็นรัฐมนตรีได้เสมอ ตราบใดที่ไม่ได้ต้องคดีในไทย ถ้าเป็นแบบนี้ ต่อไปพ่อค้ายา พ่อค้าอาวุธทั่วโลกก็คงสามารถเอาเงินจากการก่ออาชญากรรม มาซื้อตำแหน่งรัฐมนตรี กลายเป็นผู้บริหารประเทศไทยได้ใช่หรือไม่ หากเป็นแบบนี้ต่อไป อย่าแปลกใจเลยครับที่คนไทยจำนวนมากจะอยากย้ายประเทศ”