ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » #ฟังชัดๆ”บิณฑ์” เผย “น้องอิน” รีบบึ่งรถไปหาแฟนทอมที่อยุธยา ยืนยันน้องไม่เมา

#ฟังชัดๆ”บิณฑ์” เผย “น้องอิน” รีบบึ่งรถไปหาแฟนทอมที่อยุธยา ยืนยันน้องไม่เมา

9 April 2018
569   0

บรรยากาศพิธีรดน้ำศพน้องอินณัฐนิชาเชิดชูบุพพาการีณวัดราชสิงขรพระอารามหลวงถนนเจริญกรุงกรุงเทพฯมีครอบครัวและเพื่อนสนิททยอยเดินทางมาร่วมไว้อาลัยท่ามกลางความโศกเศร้ากับการสูญเสียอย่างกะทันหัน


โดยก่อนหน้านี้ยังคงมีข้อสงสัยว่าน้องอินขับรถไปอยุธยาทำไมเนื่องจากเวลาประมาณ01.16น.วันที่7เม.ย.คุณแม่ได้โทรศัพท์หาลูกสาวสอบถามว่ากลับที่พักคอนโดที่บางนาหรือยังเนื่องจากก่อนหน้านั้นทราบว่าลูกสาวไปเที่ยวพัทยากับเพื่อนๆโดยจากการพูดคุยลูกสาวบอกว่าอยู่คอนโดที่บางนาเรียบร้อยแล้วแม่ก็ไม่ได้ซักถามอะไรอีก

ล่าสุดบิณฑ์บรรลือฤทธิ์ซึ่งสนิทสนมกับครอบครัวน้องอินและเป็นผู้จัดการเรื่องศพรวมถึงเป็นเจ้าภาพพิธีสวดพระอภิธรรมศพได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนถึงเรื่องราวทั้งหมดก่อนที่น้องอินจะประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต

“ผมเป็นเจ้าภาพสวดอภิธรรมวันนี้และเป็นเจ้าภาพตลอดทั้งงานเรื่องจริงทั้งหมดที่ผมจะพูดตั้งแต่เหตุการณ์ลำดับแรกว่าทำไมถึงเกิดเหตุการณ์ในคืนนั้นผมได้คุยกับอดีตแฟนของน้องอินคือเบลที่เป็นผู้ชายและแฟนคนปัจจุบันคือน้องไทม์ซึ่งเป็นทอมวันนั้นน้องไปพัทยากับเพื่อน4-5คนตอนนั้นประมาณ3ทุ่มเกือบ4ทุ่มน้องไทม์เป็นแฟนใหม่ที่รู้จักกับน้องอินเป็นปีแล้วแต่ตอนนั้นไทม์ไปเรียนต่อที่อังกฤษและอินก็ได้มาสนิทสนมและคบกับน้องเบลจนทั้งคู่ก็ได้ห่างกันและเลิกกันแล้วแต่ก็ยังทำธุรกิจเครื่องสำอางด้วยกันอยู่แล้วไทม์ก็ได้กลับมาที่เมืองไทยแล้วอินก็ได้กลับมาคบกับน้องไทม์ต่อวันนั้นที่อินอยู่พัทยาน้องอินก็โทรมาหาน้องไทม์บอกว่าเบื่อมากที่พัทยาจะไปหาไทม์ได้ไหมไทม์บอกว่าถ้าเที่ยงคืนแล้วไม่ต้องมาเพราะมันดึกเกินไปแต่น้องอินก็ถามน้องไทม์ว่าจากพัทยาไปอยุธยากี่กิโลน้องไทม์บอกว่า200กว่ากิโลอินเลยบอกว่าใช้เวลาชั่วโมงกว่าก็ถึงแล้วซึ่งไทม์บอกว่าเป็นไปไม่ได้อย่างน้อยต้องใช้เวลา3ชั่วโมงถ้าจะมาจากพัทยา4ทุ่มก็ต้องมาถึงอยุธยาเที่ยงคืนไทม์ก็ไม่ให้มาแต่ด้วยความที่น้องอินอยากจะเจอน้องไทม์”
“ประมาณตี1กว่าน้องอินมาถึงกรุงเทพคุณแม่โทรหาน้องอินประมาณ01.17น.ถามว่าน้องอินอยู่ไหนน้องอินบอกแม่ว่าอยู่คอนโดแถวบางนาแต่ความจริงน้องอินไม่ได้อยู่คอนโดแต่กำลังไปอยุธยาแต่ตอนนั้นยังไม่ถึงอยุธยาประมาณเกือบ02.00นน้องอินยังไม่ถึงอยุธยาแต่บอกกับไทม์ว่าอีกประมาณ50กิโลจะถึงอยุธยาตอนนั้นไทม์อยู่อยุธยาบอกว่าตอนนี้ฝนตกหนักมากถ้าอินอยู่กรุงเทพก็ไม่ต้องมาให้ตีรถกลับกรุงเทพไปเลยแต่อินบอกว่าจะถึงแล้วถ้ามาแล้วยังไงก็ต้องขอเจอเพราะว่าคิดถึงและน้องไทม์เขาบอกเรื่องหนึ่งว่าคือคุยกันประสาแฟนว่าน้องไทม์จะลงรูปคู่กับน้องอินในอินสตาแกรมได้ไหมเปิดเผยได้ไหมว่าเราคบกันน้องอินก็บอกได้เลยไม่เป็นไรแต่ด้วยความที่อารมณ์อะไรก็ไม่รู้ที่น้องอินไม่พอใจน้องไทม์นิดหน่อยระหว่างทางไทม์บอกว่ามีปากเสียงกันจนกระทั่ง02.30น.เริ่มคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วน้องอินบอกว่าเอาอย่างนี้ดีกว่าเจอกันค่อยคุยกันเลยวางสายไปหลังจากวางสายไปได้ประมาณ2นาทีไทม์ก็โทรหาใหม่น้องอินก็รับคุยกันไม่ถึงนาทีก็บอกว่ากำลังจะถึงแล้วกำลังจะรีบขับรถแล้วก็วางสายใหม่จากนั้นน้องไทม์ก็ไม่ได้โทรตามอีก”
“จนกระทั่ง03.00น.โทรไปอีกก็ไม่ได้รับการติดต่อโทรไป10-20รอบก็ไม่มีคนรับน้องไทม์เลยเข้าใจว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในวันนั้นน้องอินยังไปไม่ถึงน้องไทม์อยู่ระหว่างกำลังจะถึงอยุธยาแล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้นณตอนนั้นเพราะดูจากที่เกิดเหตุแล้วไม่มีรอยเบรกเลยแสดงว่าขับรถมาด้วยความเร็วมากประกอบกับฝนตกถนนลื่นตอนที่กู้ภัยไปเจอรถและร่างของน้องอินตอนนั้นน้องอินเริ่มมีการแข็งแล้วคือต้องเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า4-5ชั่วโมงแน่นอนว่าน้องอินต้องเสียชีวิตประมาณ03.00น.ตอนที่น้องไทม์จะโทรมาถามว่าถึงหรือยังทำไมหายไปนานหรือว่ากลับกรุงเทพก็เป็นห่วงจนตี4ก็ยังโทรจนไม่ไหวแล้วคิดว่าน้องอินคงงอนและกลับกรุงเทพไปแล้วจนกระทั่งทราบข่าวเสียชีวิตประมาณ09.00น.คาดว่าตอน03.00น.ที่น้องอินประสบอุบัติเหตุไม่มีรถผ่านมาเลยจนมาเจอตอนเช้า”
“น้องไทม์ยืนยันว่าน้องอินไม่ได้กินเหล้าไม่ได้ง่วงนอนตอนคุยก็ยังปกติมากไม่มีอาการแบบนั้นเลยคิดว่าน่าจะเป็นลักษณะรีบขับแล้วฝนตกหนักไปจึงชนขอบสะพานซึ่งไม่มีรอยเบรคเลย”
“ส่วนเรื่องโทรศัพท์ที่หายไปผมถามน้องไทม์และถามกู้ภัยไม่มีใครรู้เหมือนกันไม่มีใครเจอมันอาจจะกระเด็นตกตรงไหนสักที่ที่เรายังไม่ได้ไปหาจริงๆจังๆ”

“ส่วนเรื่องที่กู้ภัยอินบ็อกซ์ไปในเฟซบุ๊กส่วนตัวของน้องแบมบี้ผมไม่ทราบข้อมูลนี้ว่าทราบได้ยังไงเพราะวันนั้นกู้ภัยที่มาส่งผมก็อยู่เขาก็เล่าให้ฟังว่าเจอร่างน้องอินประมาณ7โมงกว่าเจอกระเป๋าสตางค์และของทุกอย่างแล้วก็ตามหาญาติแต่ผมไม่รู้ว่าเขาไปอินบ็อกซ์ถามใครผมไม่ทราบส่วนเรื่องโทรศัพท์ก็ต้องหาต่อไป”
“ถนนเส้นนั้นน้องไม่เคยไปบ้านน้องไทม์ไม่ได้อยู่อยุธยาเพียงแต่เขาไปเที่ยวที่อยุธยาแล้วน้องอินจะไปหาเท่านั้นเองในข่าวบอกว่าน้องทอมคนนี้เรียกน้องอินไปแต่น้องไทม์ห้ามแล้วว่าถ้าเกินเที่ยงคืนไม่ต้องมาแต่อินพยายามจะไปหาไม่ได้ทะเลาะกันแต่มีขึ้นเสียงกันนิดหน่อยและน้องไทม์บอกว่าถ้าอินจะขึ้นเสียงอย่างนี้อย่าเพิ่งคุยดีกว่าแล้วกำลังขับรถด้วยเขาก็โอเคบอกว่าไปถึงแล้วค่อยคุยกันตอนนี้ไทม์เขาก็เสียใจมาก”

เมื่อสักครู่เห็นเดินไปถามน้องไทม์?
“ผมต้องคุยเพราะต้องเอาเรื่องจริงมาพูดเพราะเมื่อวานผมเจอผมก็ฟังจากน้องเบลมาระยะนึงว่ามันเป็นยังไงแต่พอน้องไทม์พูดโอเคมันคนละเรื่องน้องเบลอาจจะเข้าใจผิด”
ได้เห็นแชทหรือข้อความที่คุยกันไหม?
“เมื่อกี้เขาเอาให้ดูครับระยะทางนี่เขาคุยกันมาตลอดจนกระทั่งถึง02.30น.จนกระทั่งมีการโทรอีกครั้งตอน02.32น.แล้วก็ไม่ได้ติดต่อกันแล้วเขาก็โทรอีกตอนตี3กว่าๆก็ยังติดอยู่นะโทรศัพท์ติดอยู่ตลอดนั่นเขาก็คิดว่างอนก็เลยหลับ”
ทางคดีความต้องเคลียร์ไหมกับน้องไทม์ต้องมีการสอบปากคำเพิ่มหรือไม่?
“ผมไม่ทราบเรื่องคดีความอะไรก็แล้วแต่ทางญาติถ้าญาติรู้สึกว่าอยากจะค้นหาความจริงว่าเป็นยังไงแต่ถ้าไม่ติดใจก็คือไม่มีคู่กรณีคือเกิดอุบัติเหตุด้วยตัวเอง”
รถเองก็ไม่มีอะไรผิดพลาดในเรื่องของการทำงานใช่ไหม?
“ไม่มีครับเพราะการขับมาด้วยความเร็วและไม่สามารถเอารถหยุดรถบีเอ็มคันนี้ออกมาครั้งแรกเนี่ยประมาณ2อาทิตย์ก็มาเรียกผมไปนั่งก็พูดตรงนี้ว่าทำไมผมต้องมาเกี่ยวกับน้องอินน้องอินรู้จักผมตอนอายุ8ขวบก็เหมือนกับเป็นญาติคนนึงของผมก็สนิทสนมกันมาตลอดไปไหนก็จะเรียกน้องอินไปน้องอินเป็นคนที่ธรรมะธัมโมเข้าวัดไปกับผมไปนั่งวิปัสสนาไปเก็บศพไร้ญาติเขาก็จะไปตลอดเราเลยคิดว่าสิ่งนึงที่เกิดขึ้นเนี่ยผมก็แปลกใจว่าทำไมถึงต้องเกิดเรื่องนี้ขึ้นกับน้องอินเรารู้จักน้องมาตลอดแล้ววันนั้นที่เขาเอารถมารับเราก็แปลกใจว่าขับรถเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่คือมีสักระยะนึงที่น้องอินเข้ามหาลัยก็จะหายจากผมไปสักระยะนึงก็มีติดต่อมาว่าน้องอินออกรถแล้วนะพี่บิณฑ์มานั่งหน่อยสิก็ตกใจมากขับรถเร็วมากเราก็บอกอย่าขับรถแบบนี้นะอันตรายมากเขาก็บอกไม่เป็นไรน้องอินดูแลตัวเองได้ตอนนั้นขับความเร็วประมาณ130-140ปกติเราขับผู้ชายโอเคเอาอยู่แต่น้องอินเนี่ยตอนนั้นประมาณ19-20ก็รู้สึกว่าเร็วเกินไปแล้วล่าสุดเมื่อประมาณ5วันที่ผ่านมาผมก็ไปทานข้าวกับน้องอินมาแม่พาน้องอินมาคุยเรื่องธุรกิจนี่แหละก็มานั่งคุยนั่งทานข้าวกันนั่นคือเหมือนกับว่าเป็นลางสังหรณ์ล่าสุดเพราะน้องบอกว่าไม่ได้เจอกันนานแล้วมาเจอกันหน่อยแล้วเมื่อวานก่อนเสียชีวิตเมื่อตอนเที่ยงวันก็ไลน์มาถามว่าว่างเมื่อไหร่ผมก็บอกตอนนี้กำลังยุ่งอยู่แต่ก่อนสงกรานต์เจอกันแน่แล้วตอนเช้าก็มาเจอว่าน้องเสียชีวิต”

เรื่องราวที่เกิดขึ้นแม่น้องอินได้รับทราบทุกอย่างแล้วใช่ไหม?
“บางเรื่องก็ยังไม่ได้รับทราบเพราะตอนนี้ยังโศกเศร้าก็เลยยังไม่ได้พูดอะไรแต่เพียงรู้คร่าวๆว่าตอนคุณแม่โทรหาน้องอินตอน01.17น.น้องอินบอกว่าอยู่คอนโดเพราะอยากให้แม่สบายใจ”
เหตุผลที่พี่ตัดสินใจออกมาพูดเพราะอะไร?
“อยากให้ทุกคนรู้เลยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเนี่ยมันเป็นมาเป็นไปยังไงบางคนไปบอกว่าน้องอินขับรถกินเหล้าเมาคืออยากให้รู้ว่าไม่ใช่แล้วก็ไม่ได้ง่วงด้วยตอนแรกผมให้ข่าวยังคิดว่าผมผิดเลยเพราะขับรถจากพัทยาเนี่ยคิดว่าน้องง่วงแต่น้องไทม์พูดแล้วว่าน้องอินไม่ได้ง่วงเลยขับรถมีสติสัมปชัญญะทุกอย่างด้วยความที่ไม่เคยชินพื้นที่แล้วประกอบว่าฝนตกหนักแล้วเกิดอุบัติเหตุ”
หลังพิธีศพคุณแม่จะทำอย่างไรต่อไป?
“ก็เดี๋ยวเราสวด3คืนวันนี้วันแรกวันที่9-10แล้ววันที่11ก็ฌาปนกิจเลยแล้ววันที่12ก็เอาน้องไปลอยอังคารแล้ววันที่17ก็มีทำบุญ7วัน”
วางแผนในการเยียวยาคุณแม่ยังไง?
“ก็ไม่ห่วงครับเพราะวันนี้ญาติพี่น้องก็มาเยอะก็บอกว่าต่อไปนี้จะเข้ามาดูแลไม่ให้อยู่คนเดียวเพราะกลัวจะเป็นโรคซึมเศร้ากลัวคิดมากก็โอเคดีเพราะว่าเรื่องทั้งหมดในวัดผมเป็นคนจัดการเองส่วนลอยอังคารน่าจะวัดช่องลมเห็นแม่เขาว่าครับ”

Cr.starnews2day

สำนักข่าววิหคนิวส์