เรื่องฮอต ประเด็นฮิต » #ฟุ่งอีกแล้วรอบ4 ! ฝ่ายค้านอ้างมีใบเสร็จ 7 รมต.ทุจริต เตรียมฟาดไม่ไว้วางใจ

#ฟุ่งอีกแล้วรอบ4 ! ฝ่ายค้านอ้างมีใบเสร็จ 7 รมต.ทุจริต เตรียมฟาดไม่ไว้วางใจ

13 June 2022
345   0

   พปชร.เย้ยฝ่ายค้าน แค่วาทกรรมโหมโรงไม่มีเหตุุถึงโค่นรัฐบาลลงได้  “ชนะศักดิ์” สวนกลับไม่ต้องขู่ยื่น ป.ป.ช. แค่ราคาคุย ย้ำนายกฯ-รมต.ไม่กลัวการถูกซักฟอกเพราะไม่เคยทุจริต “หมอชลน่าน” ยันไม่มีใครมาดีลเอารายชื่อออก ไม่ห่วงถูกล้วงข้อมูล เลขาฯ พท.แย้มมีใบเสร็จทุจริตเด็ดหัว รมต.อย่างน้อย 5 คน “โรม” ลั่นจะกระแทกให้เกิดแรงสะเทือนจนเปลี่ยนแปลง รบ.ได้ จับตา พท.จับ “งูเห่าดอง” ไม่รีบขับออกปิดช่องสังกัดพรรคใหม่ เชื่อหลัง ก.ค.จะมีงูเห่าแสดงตัวมากขึ้น  “ไพบูลย์” ย้ำ “บิ๊กป้อม” นำทัพ พปชร.สู้ศึกเลือกตั้ง ชู “บิ๊กตู่” แคนดิเดตนายกฯ

เมื่อวันอาทิตย์ นายรงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช และกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวกรณีฝ่ายค้านเตรียมยุทธการ “เด็ดหัว สอยนั่งร้าน” ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี รวม 10 คน ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ว่า ยุทธการดังกล่าวเป็นวาทกรรมโหมโรง  ใช้ภาษาเรียกน้ำย่อยแม่ยกหรือโหวตเตอร์ของฝ่ายค้าน เปรียบไปเหมือนตัดได้แค่กิ่งต้นไม้ ตัดทิ้งทั้งต้นไม่ได้ เชื่อว่าการอภิปรายครั้งนี้ไม่ถึงขั้นจะล้มรัฐบาลได้ เพราะไม่เห็นสัญญาณที่บ่งชี้ถึงการทุจริต หรือการบริหารนโยบายที่ไม่มีประสิทธิภาพ ที่ผ่านมารัฐบาลบริหารบ้านเมืองท่ามกลางวิกฤตในหลายเรื่องจนสามารถผ่านพ้นไปได้ และเตรียมจะฟื้นตัวให้ประเทศเดินไปข้างหน้า

ส่วนที่แกนนำบางพรรคการเมืองสื่อสารในทำนองว่ารัฐมนตรีของพรรค พปชร.น่าเป็นห่วงทุกคน ยกเว้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร.คนเดียว จะส่งสัญญาณไปถึงการยกมือสนับสนุนนายกฯ หรือไม่นั้น นายรงค์กล่าวว่า เชื่อว่าหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลและผู้นำพรรค มีวุฒิภาวะที่จะแยกแยะ พิจารณาในประเด็นต่างๆ ที่ถูกกล่าวหาคงไม่ตอกลิ่มความแตกแยก มั่นใจว่านายกฯ ก็เชื่อมั่นในทีมรัฐมนตรี และคงไม่ตัดสินใจอะไรบางอย่างตามที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตหรือคาดเดาว่าจะเกิดขึ้นในช่วงการอภิปราย

นายชนะศักดิ์ อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ประกาศหลังอภิปรายไม่ไว้วางใจเตรียมยื่น ป.ป.ช.-ศาลรัฐธรรมนูญ ว่านายกฯ และรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายมีความพร้อมที่จะชี้แจงในทุกเรื่องอยู่แล้ว ฝ่ายค้านไม่ต้องพูดในลักษณะข่มขู่ เพราะนายกฯ หรือรัฐมนตรีไม่เคยกลัวการอภิปราย และไม่เคยกระทำความผิด โดยเฉพาะการทุจริต  ที่ผ่านมาตั้งใจทำงานแก้ไขปัญหามาโดยตลอด ส่วนข้อกล่าวหา 6 ข้อที่ตั้งเอาไว้ก็เป็นการกล่าวหานายกฯ และรัฐมนตรี

“เวทีการอภิปรายครั้งนี้ก็คงไม่ต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา ที่ฝ่ายค้านจะนำข้อมูลเก่าๆ มาพูด ไม่มีข้อมูลใหม่ และใช้เวทีโจมตีนายกฯ รัฐบาล และทุกครั้งก็พูดแบบนี้ว่ามีหลักฐานเด็ด มีใบเสร็จ แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไร แต่ในทางกลับกันเป็นเรื่องที่ดีที่นายกฯ จะได้ใช้เวทีนี้ในการชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนถึงการทำงานที่ผ่านมา และการทำงานที่เหลือไปจนถึงปีหน้า รวมถึงข้อเท็จจริงที่ฝ่ายค้านได้มีการกล่าวหาโจมตี” นายชนะศักดิ์ กล่าว

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจได้รับการติดต่อเพื่อขอให้ถอดรายชื่อรัฐมนตรีหรือขอข้อมูลการซักฟอกหรือไม่ว่า ระดับตนไม่มี ส่วนคนอื่นตนไม่ทราบ แต่เราทำงานกันเป็นทีม ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งตัดสินในส่วนรายชื่อรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปราย มีแต่คนจะให้เพิ่มชื่อเข้ามา แต่เราดูแล้วหลักฐานข้อมูลไม่ได้แน่นขนาดนั้น ส่วนข้อมูลในการอภิปรายอยู่ที่ตัวผู้อภิปราย เราไม่ได้ห่วงถึงเรื่องการล้วงข้อมูลเท่าไหร่ ถ้าตัวผู้อภิปรายไม่ปล่อยเองก็ไม่มีใครปล่อย สำหรับพรรคเพื่อไทยจะเน้นทุกกรอบที่เราได้กำหนดไว้ ทว่าแต่ละคนจะเจาะลึกในแต่ละประเด็น ส่วนตนจะเป็นคนเปิดญัตติ พูดภาพกว้างชี้ให้เห็นว่าเรากล่าวหาด้วยเรื่องอะไร

เมื่อถามว่า จะเพิ่มรายชื่อนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย กรณีออกโฉนดที่ดินในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กรณีไม่อนุมัติเบิกจ่ายเงินค่าซ่อมรถบำรุงทางอเนกประสงค์ให้แก่บริษัทเอกชน ในสมัยดำรงตำแหน่งนายกอบจ.สงขลา ที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดด้วยหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า หลักระหว่างอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร และฝ่ายตุลาการ ถ้าอะไรที่อยู่ในหน้าที่ของแต่ละฝ่ายแล้วเราจะไม่ก้าวล่วงซึ่งกันและกัน เช่น ถ้าเป็นคดีที่อยู่ในศาล อยู่ในกระบวนการยุติธรรมแล้ว โดยหลักการแบ่งแยกอำนาจแล้วเราจะไม่ก้าวล่วงเข้าไป ก็ปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการไป แต่สามารถนำข้อมูลไปอภิปรายตัวคนที่กำกับดูแลเขาได้ฐานปล่อยปละละเลยและไม่ดำเนินการอะไรให้มี

ลักษณะที่เกิดขึ้น อันนี้ได้ ซึ่งเราจะไม่อภิปรายผู้นั้นโดยตรง เช่นอภิปรายนายกฯ ได้ แต่ตัวรัฐมนตรีที่ถูกชี้แล้วไม่ได้

ขู่มีใบเสร็จเด็ดหัว 5 รมต.

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย  กล่าวถึงความคืบหน้าในการวางตัวผู้อภิปรายว่า พรรคกำลังวางตัวผู้อภิปรายซึ่งยังไม่แล้วเสร็จ ขณะที่พรรคร่วมฝ่ายค้านก็อยู่ในระหว่างการวางตัวผู้อภิปรายมี ส.ส.หลายท่านมีความคิดในทิศทางเดียวกันว่าไม่อยากวางตัวผู้อภิปรายหลายคน พรรคเพื่อไทยก็วางตัวผู้อภิปราย 1-2 คนต่อรัฐมนตรี 1 คน การอภิปรายครั้งนี้มีรัฐมนตรีถูกอภิปรายมากถึง 10 คน คาดว่าต้องใช้เวลาอภิปรายไม่เกิน 4 วัน ถ้าใช้เวลามากกว่านี้จะเนือย หากมันไม่เจ๋งจริงคนอาจจะวิพากษ์วิจารณ์ได้

“การอภิปรายครั้งนี้พรรคจะเน้นหลักฐานเป็นหลัก โดยเฉพาะเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน และจะรัฐมนตรีอย่างน้อย 5 คนที่มีใบเสร็จแน่ๆ ย้ำว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการ ป.ป.ช. และยื่นเอาผิดมาตรฐานจริยธรรม ซึ่งก็เป็น 3 ข้อกล่าวหาที่รัฐมนตรีแต่ละท่านจะโดน ในวันที่ 13 มิ.ย. พรรคร่วมฝ่ายค้านนัดประชุมช่วงเช้า เพื่อจะสรุปประเด็นต่างๆ เพื่อเขียนเป็นญัตติ และจะนัดประชุมอีกครั้งในวันที่ 14 มิ.ย. เพื่อสรุปผู้อภิปรายของแต่ละพรรคว่ามีประเด็นในการอภิปรายซ้ำกันหรือไม่” นายประเสริฐกล่าว

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเน้นกรณีใดเป็นพิเศษว่า พยายามถึงที่สุด เพราะไม่เชื่อว่ารัฐบาลนี้สมควรที่จะอยู่ต่อไป ถ้าเป็นรัฐบาลปกติคงจะไปนานแล้ว เจอการอภิปรายไม่ไว้วางใจตั้งแต่ครั้งแรก ก็ไม่เชื่อว่าจะไปต่อได้ แต่มีกลไกพิเศษที่ทำให้รัฐบาลอยู่ต่อได้ แต่เห็นถึงรอยร้าวที่ทำให้รัฐบาลไม่แข็งแรง การโหวตสนับสนุนร่างพ.ร.บ.สุราก้าวหน้าเป็นสิ่งที่ยืนยันว่ามีรอยร้าวจริงในรัฐบาล ดังนั้นการอภิปรายครั้งนี้จะอาศัยรอยร้าวดังกล่าว กระแทกให้แรงขึ้น ด้วยเนื้อหาการอภิปรายที่มั่นใจ เป็นหลักฐานแสดงถึงเรื่องทุจริต คอร์รัปชัน การบริหารผิดพลาดที่เกิดขึ้นของรัฐบาลอาจเป็นไปได้ที่จะสร้างแรงสั่นสะเทือนพอที่จะทำให้รัฐบาลนี้เกิดความเปลี่ยนแปลงได้ ยืนยันว่าไม่ไว้ชีวิตใคร ตนจะอภิปรายทุกคนตามที่มีการยื่นชื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจ คงจะต้องคอยติดตามว่าพรรค ก.ก.มีใครบ้าง

นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร และเลขาธิการพรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) กล่าวถึงทิศทางการโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า เรายืนยันชัดเจนว่าต้องฟังการอภิปราย และดูข้อมูลก่อนว่าฝ่ายค้านเด็ดจริงหรือไม่ แล้วเราค่อยมาตัดสินใจ เพราะตรงนี้เป็นเอกสิทธิ์ ส.ส.ในการอภิปรายอยู่แล้ว หากจะมาพูดตอนนี้ว่าเราจะทำอะไรก่อนที่เราจะรู้ก็จะมีเป้าหมายเกินไป มันไม่ถูกต้อง ใช้อารมณ์ในการตัดสินเกินไป ทั้งนี้ หากรัฐมนตรีคนใดที่เราคิดว่าไม่ถูกต้องหรือผิด อาจจะต้องคุยกัน เราเอาตามความถูกผิด เอาผลประโยชน์ประชาชนเป็นหลักเหมือนเดิม  ส่วนฝ่ายค้านไม่ได้มีการมาพูดคุยหรือติดต่อพรรคมา

 รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยแจ้งว่า หลังจากผลโหวตรับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ วาระรับหลักการเสร็จสิ้นลง มี 7 ส.ส.พรรค พท.โหวตสวนมติพรรค โดยทางพรรคมอบให้คณะกรรมการวินัยจริยธรรมเชิญ ส.ส.ที่ไม่ปฏิบัติตามมติพรรคมาชี้แจง ครั้งแรกวันที่ 13 มิ.ย. เพื่อสอบถามสาเหตุ แต่ล่าสุดทางพรรคจะไม่เร่งกระบวนการสอบสวน และส่งให้กรรมการบริหารพรรคและสมาชิกพรรคลงมติขับออกจากพรรคในเร็ววัน จะไม่นำเรื่องการไม่โหวตตามมติพรรคมาเป็นหนึ่งในข้อกล่าวหา เนื่องจากรัฐธรรมนูญให้เอกสิทธิ์ ส.ส.ในการลงมติ การขับออก จะไม่ทำให้เสร็จโดยเร็ว จะเป็นการเข้าทางกลุ่ม ส.ส.ที่ต้องการจะย้ายออกจากพรรค หากโดนขับออกสามารถหาพรรคการเมืองใหม่สังกัดได้ใน 30 วันตามที่กฎหมายกำหนดไว้ แต่จะใช้วิธีการพิจารณาสอบสวน การทยอยเรียกมาชี้แจงให้ยาวนานที่สุด เพื่อที่จะไม่ให้กลุ่ม ส.ส.ดังกล่าวหาพรรคสังกัดใหม่ได้ทันเวลาตามที่กฎหมายกำหนด

ขณะเดียวกัน เชื่อว่าในทางการเมือง ส.ส.ที่จะไม่ร่วมงานการเมืองกับพรรค พท.อาจจะแก้เกม โดยเลือกใช้วิธีหากพ้นเดือนกันยายนไปแล้ว พรรค พท.ยังไม่ขับออก จะขอลาออกจาก ส.ส.เพื่อไปสมัครเป็นสมาชิกกับพรรคการเมืองใหม่ ให้สังกัดพรรคใหม่ให้มีคุณสมบัติครบถ้วน มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งหน้า ตามกฎหมายระบุว่า ก่อนรัฐบาลครบวาระ 6เดือน ถ้ามี ส.ส.เขตลาออก ไม่ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่

พปชร.ย้ำ‘ป้อม’นำทัพเลือกตั้ง

 มีรายงานอีกว่า สิ่งที่ทางพรรค พท.มีความหวั่นใจในการลงมติช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจในเดือนกรกฎาคม อาจจะมี ส.ส.ที่ยังไม่เคยแสดงตัว แต่มีสัญญาใจกับพรรคการเมืองอื่น จะฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมติพรรคเพิ่มจำนวนมากขึ้น เนื่องจากเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งสุดท้าย ในรัฐบาลประยุทธ์ หลังจากนั้นไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะเลือกแนวทางยุบสภาหรืออยู่ครบวาระตามรัฐธรรมนูญ จะเหลือเวลาเพียงไม่กี่เดือนที่จะมีการเลือกตั้งใหม่ จึงทำให้ ส.ส.ที่คิดจะย้ายพรรค กล้าแสดงตัวเปิดเผยเจตจำนงทางการเมืองมากขึ้น

ขณะที่นายจักรพรรดิ ไชยสาส์น ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย 1 ใน 7 ส.ส.ที่โหวตสวนมติพรรค ในการลงมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ กล่าวถึงกระแสข่าวพรรค พท.จะยื้อกระบวนการสอบสวนเพื่อขับออกจากพรรคว่า ยอมรับได้หมด ถ้าจะพยายามยื้อออกไปก็รับได้ หรือจะขับออกก็รับได้ หรือจะให้อยู่กันไปอย่างนี้ก็รับได้ หากได้รับเชิญจะไปชี้แจง การลงมติ พ.ร.บ.งบประมาณฯ ที่โหวตรับหลักการ เพราะมองว่าจะได้มีงบประมาณนำไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชน นำไปพัฒนาประเทศ ทำไมครั้งนี้กลายเป็นไม่รับหลักการ คิดอะไรอยู่ มีแผนอะไร ตราบใดที่กระบวนการบริหารพรรคยังเป็นอย่างนี้ บริหารแบบ Top Down หรือมองจากบนลงมาล่างเพียงอย่างเดียว ส.ส.ไม่สามารถสะท้อนความเห็นอะไรได้เลย ทำให้ ส.ส.หลายคนเริ่มอึดอัด และไม่ได้มีเฉพาะตนเพียงคนเดียว วันนี้ตนเป็นอิสระยิ่งกว่าอิสระ ในการเลือกตั้งครั้งหน้าคงจะไปร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย ขอไปอยู่กับพรรคที่ตนรู้สึกสบายใจดีกว่า

นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวถึงความคืบหน้าการเตรียมความพร้อมการเลือกตั้ง หลังมีรายงานข่าวพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. มอบหมายแกนนำพรรครับผิดชอบแต่ละภาคแล้วว่า พรรคได้มีการแบ่งให้แกนนำดูแลเตรียมความพร้อมเลือกตั้งในแต่ละภาคแล้ว เมื่อทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์จะได้มีการแถลงข่าว อีกไม่นาน เสถียรภาพของพรรคขณะนี้ดีมาก ทุกฝ่ายเป็นเอกภาพ แบ่งหน้าที่กันเรียบร้อยแล้ว ไม่มีความขัดแย้งกัน เชื่อว่าถ้าพรรคมีความเข้มแข็ง เลือกตั้งจะสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายอย่างที่หัวหน้าพรรคตั้งใจไว้ ทั้งหมดหัวหน้าพรรคกำกับดูแล ส่วนผู้นำทัพสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้าต้องเป็น พล.อ.ประวิตรอยู่แล้วในฐานะหัวหน้าพรรค และเป็นเสาหลักศูนย์รวมจิตใจของ ส.ส.พรรคทุกคน

“สิ่งนี้คือจุดแข็งของพรรค พล.อ.ประวิตรเป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับ ส.ส.ทุกคน รวมทั้งผู้สมัครรับเลือกตั้งใหม่ที่จะเข้ามา ผู้นำต้องมีบารมีพอที่จะควบคุมให้พรรคเดินหน้าได้ เรียกว่า พล.อ.ประวิตรเป็นผู้ที่มีความเหมาะสมที่สุด มั่นใจว่าเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคพลังประชารัฐยังเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ความเห็นส่วนตัว พล.อ.ประยุทธ์ ยังเป็นแคนดิเดตนายกฯ ที่พรรคจะเสนอชื่ออีก ยืนยัน พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตรเป็นหนึ่งเดียว ทำให้พลังประชารัฐมีเอกภาพ มีความมั่นคงอย่างแน่นอน” นายไพบูลย์กล่าว.