ภท.เล่นบท’เซฟ’สุดขีด
ถนอมตัวรอโอกาส’ส้มหล่น’
ขณะที่หลายพรรคหมายมั่นปั้นมือกับการแก้ไขรธน. รอโหวต 10 ก.ย.64
แต่พรรคภูมิใจไทย กลับเล่นบท’งด’ใช้เสียงและออกเสียง ซึ่งความจริง เลือกแนวทางนี้มาตั้งแต่วาระ 1 และ 2 แล้ว พร้อมเหตุผล การแก้ไขรธน.รายมาตราหนนี้ เอื้อประโยชน์พรรคการเมืองและนักการเมือง แต่ประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย
ส่งผลให้พรรคภูมิใจไทย ดูหล่อ เท่ห์ กว่าใครเพื่อนในทันที อีกทั้งการแก้ไขรธน.ไม่ได้เป็นเงื่อนไขหรือข้ออ้างในการเข้าร่วมรัฐบาล ต่างจากพรรคปชป.ที่ต้อง’เทค แอ๊คชั่น’เกาะติดต่อเนื่อง หลังเป็น 1 ในปัจจัยเข้าร่วมรัฐบาล’บิ๊กตู่’
ภูมิใจไทยเคยเสนอร่างแก้ไขรธน.ใน 3 ประเด็น คือให้รัฐสร้างหลักประกันรายได้ถ้วนหน้าให้ประชาชน ยุทศาสตร์ชาติ 20 ปีสามาถแก้ไขได้ และตัดอำนาจส.ว.ไม่ให้โหวตเลือกนายกฯ แต่ก็เป็นหนึ่งใน 12 ร่างที่ตกไปไม่ผ่านตั้งแต่วาระแรก นอกจากนี้ ในช่วงเริ่มต้น เคยสนับสนุนให้มีสสร.ทำหน้าที่ยกร่างรธน.แทนฝ่ายการเมืองหรือกรรมาธิการยกร่าง
จึงเป็นที่มาในคำแถลงของพรรคหรือการให้สัมภาษณ์ของแกนนำในพรรค ที่จะย้ำว่า ควรให้ประชาชนมีส่วนในการออกแบบรูปแบบและวิธีการเลือกตั้ง ไม่ใช่ให้ฝ่ายการเมืองไปคิดแทน
ความจริงหัวหน้าพรรค-อนุทิน เคยเป็นแคนดิเนทนายกฯที่คู่คี่สูสีกับพล.อ.ประยุทธ์ ในช่วงเลือกตั้งและหลังเลือกตั้งมี.ค.62 ใหม่ๆ จากผลสำรวจของโพลหลายสำนัก นอกจากนี้ นโยบายปลูกกัญชาเสรี 6 ต้น นโยบายเวิร์ค ฟอร์ม โฮม และอีกหลายโครงการก็ชนะใจประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งด้วย
แต่สุดท้ายเมื่อยอมร่วมรัฐบาลหนุน’บิ๊กตู่’เป็นนายกฯ โครงการที่โดดเด่นโดนใจคนก็ไม่เปรี้ยงปร้างนัก แม้แต่’กัญชาเสร’ อีกทั้งงานในสธ.ที่’เสี่ยหนู’เป็นรมว.ก็ถูกถ่ายโอนอำนาจไปยังพล.อ.ประยุทธ์ จากเหตุการแพร่ระบาดของโควิด 19 แต่เมื่อถึงคราวโดนซักฟอก ในฐานะรัฐมนตรี อนุทินก็โดนจนอ่วมอรทัย
การถอยฉากออกจากวงในช่วงที่สถานการณ์นัวเนียนุงนัง ด้านหนึ่งก็เพื่อหวังให้ประชาชนเห็นความแตกต่างระหว่างพรรคการเมืองและนักการเมืองที่กำลังโรมรันพันตู แย่งชิงผลประโยชน์ที่เป็นของฝ่ายการเมืองเอง อีกด้านหนึ่งก็เพื่อตั้งหลักและทบทวนจังหวะก้าวย่างต่อไปทางการเมือง หากยังหวังจะได้ลุ้น กลับไปเป็นแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีอีกรอบ เพราะอายุก็ยังไม่มาก นโยบายหลักหาเสียงของพรรค ถ้าทำให้ดีและจริงจัง ก็ยังมีโอกาสโดนใจคน ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่และผู้คนต่างมองหาทางเลือกใหม่สำหรับอาชีพและการหารายได้ในยุค’นิว นอร์ม’
ถนอมเนื้อถนอมตัว รักษารูปมวย ไม่ลงคลุกโลนการเมืองในทุกเรื่องที่ไม่จำเป็น ไม่แน่นัก บางทีอาจมีหรือถึงเวลา’ส้มหล่น’ก็เป็นได้
ประจักษ์ มะวงศ์สา