ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา ผู้เชี่ยวชาญยุทธศาสตร์การเมืองได้โพสเฟสบุ๊คชี้ให้รัฐควรใช้ภัยแล้งนี้มาเป็นโอกาสสร้างแก้มลิง ธนาคารน้ำใต้ดินเพื่อเก็บน้ำในช่วงหน้าฝนดังนี้ว่า
ภัยธรรมชาคิเกิดขึ้นตามเวลา คือหลัง 26 ธค.2562 และจะเกิดขึ้น หลัง 4 มค. 16 มค.-21 มค. ตามลำดับ ที่ผ่านมาเกิดปรากฎการณ์พายุลูกเห็บหนักในภาคเหนือ ใต้ อิสาน เกิดน้ำท่วม และตามมาด้วยภัยแล้ง ที่จะหนักกว่าทุกปี คาดการณ์กันว่า น้ำจืดในพระนครจะไม่เพียงพอในการบริโภค อันจะส่งผลให้ราคาน้ำจืดแพงกว่าราคาน้ำมัน ตามลำดับ
การสั่งขุดน้ำบาดาล 500 แห่ง เพื่อแก้ไขภัยแล้ง เป็นหลักคิดที่ผิด เพราะสิ่งที่ตามมาคือการทรุดตัวของผิวดินโดยเฉพาปากอ่าวอย่างกทม. อันจะส่งผลกระทบในหน้าน้ำ และที่ผ่านมากรมทรัพย์ก็มีนโยบายห้ามการขุดบ่อบาดาล ยกเว้นจะได้รับอนุญาต เป็นรายๆไป ตามพื้นที่ ที่เหมาะสม เพราะผลกระทบจะแก้ไขลำบากกว่าเดิม
การแก้ไขภัยแล้งนั้น ถือว่าเป็นโอกาสทองในการแก้ไขปัญหาระยะยาว หากนำโครงการพระราชดำริมาใช้ ด้วยการ ขุดลอก ห้วย หนอง คลอง บึง ทำแก้มลิง นำยางพารามาปูเป็นพื้น ทำบ่อกักเก็บน้ำกระจายไปทุกหมู่บ้าน จ้างชาวบ้านมาเป็นแรงงาน อันจะเป็นการกระจายรายได้ สร้างงานในท้องถิ่น ช่วยสนับสนุนเกษตรกรนางพารา และดำเนินการ ทำธนาคารน้ำใต้ดินในจุดที่ขาดน้ำ ทำเขื่อนต่างๆที่คงค้าง
อันจะส่งผลดีต่อทั้งหน้าแล้ง และหน้าน้ำที่น้ำจะท่วมเป็นประจำทุกปี จนต้องนำเงินนับหมื่นล้านจากภาษีของคนชั้นกลาง ชั้นสูง ไปเยียวยาไมสิ้นสุดทุกปี โดยถอดบทเรียนน้ำท่วมที่ผ่านมา จะส่งผลให้ การแก้ไขน้ำท้วม น้ำแล้งซ้ำซาก จะเบาบางลงด้วยตัวของมันเอง ตามโครงการพระราชดำริของพ่อ ด้วยความปราถนาดี
“ ผู้นำต้องมีวิศัยทัศน์เป็นสำคัญ ประชาชาจึงจะยินยอมให้ปกครอง “
ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา
6 มกราคม 2563
สำนักข่าววิหคนิวส์