ดุลย์ จุลกะเศียนได้โพสต์ระบุข้อความว่า…….
เรื่อง การใช้ มณีแดง ในมนุษย์
ในฐานะนักวิจัย และเข้าใจดีเรื่องขั้นตอนการพัฒนายาใหม่ๆมาใช้กับมนุษย์ ต้องปลอดภัยที่สุด
แต่ตอนวัคซีนโควิทออกมาใช้กับคนปกติ สว ผู้ใหญ่จนลงไปถึงเด็ก กลับมีข้อยกเว้น ข้ามขั้นตอน และพบว่ามีผลข้างเคียงมากมาย
แต่หลัก ที่ควรคิดคือ
กรณีวีคซีนโควิท หรือยาคล้ายกัน เป็นการให้ยาเข้าไปในคนที่สุขภาพดีหรือยังไม่ได้ป่วย
หวังผล
1)ป้องกันไม่ให้เป็นโรค เป็นปกติ
2)ถ้าเป็นโรค จะไม่รุนแรง และกลับมาปกติ
3)ถ้าเป็นโรคอื่นรุนแรง จากผลข้างเคียง แย่สุดคือเป็นผัก และตาย
แต่มณีแดง ไม่ใช่หลักการนี้
มณีแดง ใช้กับคนที่ป่วยระดับผัก ก่อน คือยังไงก้อตาย
แปลว่าถ้าใช้มณีแดง ผลที่ได้
1) ไม่ได้ใช้ป้องกันโรค เหมือนยาหรือวัศซีนอื่นๆ
2)ไม่ได้ใช้กับโรคธรรมดา ง่ายๆ เพื่อให้หายป่วย เพราะมีทางรักษาอื่นๆให้หายได้ง่าย
3)แต่มณีแดง ใช้รักษาคนป่วยที่ยังไงก้อเป็นผัก หรือตาย
ใช้มณีแดง เป็นเกมส์ บวก หรือเท่าทุน ติดลบน้อยมากๆๆๆ
แปลว่าความเสี่ยงในการใช้ ต่ำมาก ที่คนป่วยผักจะเป็นผักต่อ หรือจะตาย ยังไงก้อตายอยู่แล้ว
ถ้าไม่ใช้ กลายเป็นความเสี่ยงสูงที่จะปล่อยให้เป็นผักถาวรหรือตายไว
ตกผลึก
ควรเร่งอนุมัติให้ทดลองกับคนป่วยระดับผักทุกคน ที่สมัครใจตามกฎหมาย ที่น่าจะมีเป็นพันๆคนทั่วไทย และเป็นหมื่นๆคนทั่วโลก
ถ้าได้ทดลองพร้อมๆกันวันนี้ จะได้ข้อมูลจากคนป่วยทุกเชืื้อชาติ มหาศาล มากพอที่จะสรุปถึงผลข้างเคียง
อย่างน้อยผลวิจัยนี้ย่อมน่าเชื่อถือและดีกว่า ผลวิจัยวัคซีนโควิทที่ออกมาขายฉีดคนสุขภาพดีให้กลายเป็นคนป่วยมากมายทุกวันนี้
สามารถใช้มณีแดงตามหลังคนฉีดวัคซีนโควิทที่ได้รับผลข้างเคียงได้อย่างดี
ประเทศเราจะมีรายได้มหาศาล ไม่ต่างจากชาติที่ขายวัคซีนโควิทเลย
ดุลย์ จุลกะเศียน
วิศวนเกษตรกร#1
26 มิย 66