12 พฤษภาคม 2561 ดร. เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา ได้โพสข้อความระบุว่า 3 วันแรกที่มหาเธร์ทำหลังชนะการเลือกตั้ง คือ จะเจรจากับจีนใหม่ (เพราะได้รับการสนับสนุนจากอังกฤษ) ใต้ของไทยเกิดระเบิด 3 วันติด ต่อกัน (ก่อนหน้านี้รัฐบาลไทยประเมินไม่ต้องเจรจา) กษัตริย์มาเลย์อภัยโทษคนของมหาเธร์
ที่สำคัญมหาเธร์ออกคำสั่งยึดทรัพย์นาจิบ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับการสนับสนุนจากจีน และสั่งห้ามออกนอกประเทศ
นี้คือบทเรียนทางการเมืองของมาเลเซีย ที่หากมองให้ลึกซึ้ง คำว่า “เอาคืน” จะเกิดขึ้นแน่นอนยามหมดอำนาจ การประเมินมาเลเซียต่ำ คิดว่าไม่ต้องเจรจาใหม่เรื่องชายแดน ส่งผลให้ ประธานโครงการพาคนกลับบ้านถูกลอบสังหาร เพราะไปเอาคนกลับมาจากมาเลเซีย กลับมาไทย อันเป็นการทำลายการแบ่งแยกสามจังหวัดใช้แดนพักใต้ซึ่งหลักนี้ถูกหยิบยกมาใช้ตามหลักทฤษฎีชาตินิยมเพื่อปลุกกระแสการรักชาติของคนมาเลเซีย อันส่งผลทางการเมืองจนได้รับชัยชนะการเลือกตั้งในทางลับ
รัฐบาลไทยไม่มองหลักยุทธศาสตร์ยุโรป ที่ฝรั่งเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องของปัญหาการเลือกตั้งในประเทศมาเลเซียที่เบื้องลึกแล้วเป็นความขัดแย้งของมหาอำนาจระหว่างประชาธิปไตยกับฝั่งของคอมมิวนิสต์ที่ต้องการเข้ามามีอิทธิพลในเอเซียหลังจากฟังสาภาพยุโรปพ่ายแพ้สงครามในตะวันออกกลางและพ่ายแพ้สงครามในทะเลจีนใต้จนเกิดความสัมพันธ์จับมือกันระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้
ส่งผลทำให้ความชอบธรรมในการบุกทะเลจีนใต้ของฝั่งประชาธิปไตยเพื่อยึดแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่ที่สุดของเอเซียมีน้อยลงประกอบกับจีนได้ตั้งเครื่องต่อต้านขีปนาวุธ ในยามทำการซ้อมรบด้วยอาวุธจริงในหมู่เกาะสแตนลีย์ทำให้การจะนำเรือรบไปบุกหรือเข้าใกล้บริเวณดังกล่าวจึงมิได้เป็นเรื่องง่าย
การแบ่งแยกเอเซียที่เริ่มต้นในประเทศฟิลิปปินส์ด้วยการเกิดกบฏฟิลิปปินส์เกิดขึ้นต่อมาเกิดสงครามโรฮิงญา ในประเทศพม่าตามด้วยการต่อสู้การเลือกตั้งด้วยการจับกลุ่มฝ่ายค้านทางคณะ ที่อยู่ตรงข้ามฮุนเซ็นได้รับการสนับสนุนจากฟังประชาธิปไตยจนกลายมาเป็นการขับไล่พ่ายแพ้เลือกตั้งของนาจิบ ที่ฝรั่งเข้ามาเกี่ยวข้องและให้การสนับสนุนมาหาเธร์ จนชนะการเลือกตั้ง
ทำให้ภาคใต้ของไทยไฟกลับมาคุอีกครั้ง ตัวอย่างการเอาคืนของมหาเธร์ สะท้อนให้เห็นในไทยชัดเจน ดั่งพลเอกพัลลพ ได้ประกาศเตือนไว้ว่า โดน “เอาคืน” แน่นอน หากพ้นจากอำนาจ “ทำอย่างไรก็จะได้อย่างนั้น”
หมากการเมืองไทย มันจนกระดานแล้วเพราะการเดินทางมาผิดทางไปยึดหลัก “เลือกตั้งก่อนการปฏิรูป” แทนที่จะเลือกเส้นทางที่ถูกต้องคือการ “ปฏิรูปก่อนเลอกตั้ง” ทำให้ชนะการทางการเมืองในประเทศไทยกำลังเข้าสู่ทางตันยิ่งเดินหมากแต่ละตัว ยิ่งเข้าป่าลึกออกทะเลไปมหาสมุทร
การเอาข่าวบุกจับอาหารเสริมที่กำลังบานปลายจนเป็นการออกหมายจับ เพื่อใช้ในการกลบข่าวทางการเมืองแล้วบุกไล่จับ กดดันพวก ”อยากเลือกตั้ง” ที่จะบุกทำเนียบรัฐบาล ที่หวัง จะ สร้าง ความรุนแรง นองเลือด ดัง ประวัติศาสตร์ ของ ไทย ตลอด 86 ปี ที่ผ่านมา อาจจะสามารถกลบข่าวได้เพียงระยะหนึ่งเท่านั้น คงลืมไปกระมังว่าเขาจ่ายเงินระดับอดีตสส.และแกนนำม๊อบ จ่ายถึงชาวบ้านกันแล้ว เตรียมบุกในวันดีเดย์
บทเรียนของมาเลเซียจึงเป็นสิ่งที่ควรคำนึงและพิจารณาอย่างมากในการเดินหน้าไปข้างหน้าในมากเกมกลการเมืองที่จะต้องยึดหลักความถูกต้อง ว่าจะเดินหลักเลือกตั้งก่อนการปฏิรูปหรือจะเดินล่ะปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง เพราะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่ายุคนี้ “รัชกาลนี้” จะเป็นช่วงเวลาแห่งการปฏิรูปประเทศ
การเมืองมันมีเวลาของมัน “ เวลากำหนดสถานการณ์เสมอ” เมื่อเวลามาถึงต้องพิจารณาเมื่อเจอทางตันก็ต้องพิจารณาเช่นกัน แต่หากดันทุลังเดินต่อมีแต่ชาติจะพินาศล่มจม ด้วยความปรารถนาดี
“ ผู้ชนะคิดก่อนรบ ผู้แพ้ลบก่อนจึงคิดชนะ”
สำนักข่าววิหคนิวส์