เมื่อวันที่ 27 ม.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ออกรายการโหนกระแสและเผยถึงกระแสการกักตัวทิพย์ ที่ผู้มีความเสี่ยงติดโควิด-19 ไม่กักตัวและยังออกไปภายนอกว่า
อันนี้ไม่ใช่ ตามกฎหมายบุคคลที่ติดเชื้อ ถ้าเป็นคนไทยต้องอยู่โรงพยาบาล การกักตัวคือให้สังเกตตัวเอง เป็นการขอความร่วมมือ อย่างตนก็เคยกักตัวเองในกรณีเดินทางไปจ.สมุทรสาคร ซึ่งส่วนนี้ไม่กฎหมาย แต่อยู่ที่ตัวเรา ส่วนการกักตัวถึงขั้นที่กรมควขคุมโรคขอให้กักตัว ในส่วนนี้ต้องนำตัวไปโรงพยาบาล ดังนั้นทุกคนต้องมีสำนึก เพราะถ้าทำแบบนี้ อีกหน่อยรัฐต้องใช้กฎหมายหนักขึ้น ดังนั้นต้องระมัดระวังตัวเอง ถ้ามีอาการต้องไปรายงานตัว โดยยังไม่ผิดถึงขั้นมีกฎหมายมาบังคับ
จากนั้นหนุ่ม กรรชัย พิธีกรรายการ ถามถึงกรณีคนที่ผู้ติดโควิด ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ได้ปกปิดไทม์ไลน์กับเจ้าหน้าที่ นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้าปกปิดถือเป็นการให้การเท็จ โดยจะผิดกฎหมายในลักษณะให้การเท็จกับเจ้าพนักงาน ต้องดำเนินคดี ไม่มีใครใหญ่กว่าหมอ ถ้าไม่บอกก็ต้องใช้กฎหมาย ฐานให้การเท็จกับเจ้าพนักงาน
เมื่อถามถึงไทม์ไลน์ของนักร้องอีกคนที่ปกปิดข้อมูลเช่นกัน นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้มีความจำเป็นต้องให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ ตั้งแต่ก่อนติดเชื้อ ถ้าปกปิดข้อมูลถือว่าผิดกฎหมาย ซึ่งดูจากไทม์ไลน์แล้วจะเห็นว่าไปงานเดียวกัน อาจไปทำอะไรที่ไม่อยากบอก ดังนั้นเจ้าหน้าที่ต้องไปสอบสวนกัน
จากนั้นหนุ่ม กรรชัย ยังยกตัวอย่างถึงกรณีที่ผู้ติดเชื้อบางคนอาจไปในสถานที่ไม่อยากบอก เช่นไปกับเมียน้อย นายอนุทิน กล่าวว่า ในเรื่องนี้ขอให้มั่นใจเจ้าหน้าที่ เพียงบอกแค่ว่าไปทำอะไร ที่ไหน แต่ไม่ต้องบอกความสัมพันธ์ก็ได้ ยืนยันหมอมีจรรยาบรรณอยู่แล้ว
เมื่อถามถึงการจัดงานวันเกิดที่อยู่ในช่วงมีกฎหมายควบคุม นายอนุทิน กล่าวว่า จากไทม์ไลน์จะพบว่าจัดปาร์ตี้วันเกิดกันในวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ในช่วงที่ภาครัฐขอความร่วมมืออย่าจัดงานเลี้ยง ดื่มสุรา ซึ่งงานวันเกิดคงไม่ได้ดื่มน้ำหวาน ดังนั้นคงเป็นการละเมิด แต่เราไม่ได้ห้าม แต่ต้องไปดูว่า งานปาร์ตี้ดังกล่าวโรงแรมเปิดให้รับประทานหลัง 3 ทุ่มและจำหน่ายแอลกอฮอล์หรือไม่ ถ้าผิดจะผิดตรงนี้ ทั้งเจ้าของปาร์ตี้ ผู้ร่วมงานและโรงแรม โดยต้องไปเช็กวงจรปิดดู ซึ่งจะสั่งการเจ้าหน้าที่ ส่วนความผิดก็มีระดับอยู่ ทั้งจำและปรับ เรื่องนี้น่าละอายจากความมักง่ายมากกว่า