ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนาได้โพสตฺเฟสบุ๊คถึงการรณรงค์แก้รัฐธรรมนูญไว้ดังนี้
ทอนกล้ามาก เดินสายทั่วประเทศ อ้างจะแก้ไขรธน. มุขเดิม ตอนเกิดจราจลปี 52 และเผากรุงปี 53 จะเอารธน.ปี 40 มาใช้ ครานี้ก็เหมือนเดิม เพิ่มเติมเหิมเกริม จะวางกรอบในรธน. แก้มิให้พระมหากษัตริย์ไทย ผู้เป็นประมุขของรัฐ มาเกี่ยวข้องเรื่องการเมือง
ซึ่งไม่มีระบอบการปกครองไหนในโลกเขาทำกัน ทั้งประชาธิปไตย คอมมิวนิสต์ ราชาธิปไตย หรือราชา ที่มิให้ประมุขของรัฐเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการปกครองประเทศ มีแต่วาทกรรม อดีตผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์(ผกค.) ที่ใช้วาทกรรมว่า “กษัตริย์ต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง “ และใช้วาทกรรมเชิงตอบโต้ สกัดกั้น เช่น “โหนเจ้า” เป็นต้น
ในอังกฤษสมเด็จพระบรมราชินีเอลิซาเบธที่สอง ที่ปกครองในปัจจุบัน นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ถือว่าเป็นคณะผู้บริหารในนามพระมหากษัตริย์ ให้การปรึกษาหารือ ปัญหาบ้านเมือง ยามปกติ และยามสงคราม
เด็กที่ไปเรียนอังกฤษในประเทศที่เป็นระบอบราชาธิปไตย แต่กลับไปร่วมกับกลุ่มชมรมคอมมิวนิสต์คงไม่ทราบกระมังว่า ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ ที่เป็นระบอบราชาธิปไตย จีน ที่เป็นระบอบคอมมิวนิส์ สหรัฐ ที่เป็นระบอบประชาธิปไตย ซาอุดิอารเบีย ที่เป็นระบอบราชา ประมุขของรัฐย่อมเกี่ยวข้องและมีสิทธิในการพิจารณา ตัดสินใจในการปกครองของประเทศ
เขาอาจเรียนมากจนสับสน เพราะแม่ พ่อ ลูกจีน คิดแต่การค้าขาย เลยให้ลูกไปเรียนมาดูแลธุรกิจโรงงานผลิตอะไหล่รถ จึงส่งลูกไปเรียนวิศวกรรมช่างกล ชั้นป.ตรี เรียนเศรษฐศาสตร์การเมือง สาขากฎหมายธุรกิจระหว่างประเทศ ในอังกฤษ ชั้น ป.โท ด้วยการที่เกิดมารวย พ่อแม่มีเงินมาก ทำให้เขาขาดประสบการณ์ ดั่งอาเขาได้เคยพูดออกรายการทีวี ที่เขาชอบเพ้อฝัน
ทำให้เขาเข้าใจการปกครองทั่วโลกผิดพลาด เมื่อโดนโจมตีหนักๆว่าไม่เอาเจ้า ต่อต้านเจ้า ถูกแฉคลิปต่างๆ จึงได้พลิกลิ้นว่าต้องมีเจ้า แต่ต้องห้ามยุ่งเกี่ยวกับการเมือง โดยเคลื่อนไหวเอาหลักการริบรอนพระราชอำนาจ มาเป็นกรอบในการแก้รธน.
สิ่งเหล่านี้คือปรากฎการณ์ทางการเมือง ที่ชัดเจนขึ้น โดยมีหลักสำคัญคือ หลอกประชาชนว่าแก้รธน. อ้างเพื่อสิทธิเสรีภาพ แต่ความจริงแล้วคือการริบรอนพระราชอำนาจ แล้วจึงเปลี่ยนการปกครองในที่สุด มิใช่เพื่อให้ประชาชนมาปกครอง แต่ให้พวกเขา ตัวเขา ญาติพี่น้องเขา มาเป็นประมุขของรัฐ หรือเป็นกษัตริย์ต่างหาก
ซึ่งหลักคิดนี้ เคยเกิดขึ้นในหลายๆประเทศ เช่น คิวบา อิหร่าน รัสเซีย เนปาล จีน เป็นต้น จึงเป็นอาชีพของคนกลุ่มหนึ่งที่ถูกเรียกว่า “นักปฏิวัติ” หรือนักล้มล้างการปกครอง นั้นเอง ที่สุดท้ายประเทศจะกลายเป็นสงครามกลางเมือง ฝรั่งเศส จีน เกิดสงครามยาวนานกว่า 10 ปี ประชาชนล้มตายกว่า 10 ล้านคน เพราะอ้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่าของคนรุ่นใหม่ ที่กลายเป็นสงครามกลางเมือง เพื่อให้พวกเขาได้มามีอำนาจ เสพสุขนั้นเอง
“ การเมืองคือการแสวงหาอำนาจ นักการเมืองเป็นนักแสวงหาอำนาจ อำนาจที่ยิ่งใหญ่คืออำนาจการปกครองประเทศ ประชาชนจึงต้องรู้จักนักการเมืองและพรรคการเมืองอย่างลึกซึ้ง ก่อนจะมอบอำนาจให้กับนักการเมือง “
ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา
18 สิงหาคม 2562
สำนักข่าววิหคนิวส์