เรื่องฮอต ประเด็นฮิต » #มันยังไม่จบ ! ศาลภาษีให้ขยายอุทธรณ์คดีหุ้นชินฯ 1.7 ล้าน หลังชั้นต้นยกฟ้อง

#มันยังไม่จบ ! ศาลภาษีให้ขยายอุทธรณ์คดีหุ้นชินฯ 1.7 ล้าน หลังชั้นต้นยกฟ้อง

23 August 2022
278   0

 

   วันนี้ (23 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีศาลภาษีอากรกลาง มีคำพิพากษาคดีความแพ่ง หมายเลขดำ ภ.220/2563 ที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง กรมสรรพากร, นายพงษ์ศักดิ์ เมธาพิพัฒน์ ผู้แทนอธิบดีกรมสรรพากร, นายประภาส สนั่นศิลป์ ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด จำเลยที่ 3 นายพิสิทธิ์ ศรีวรานันท์ จำเลยที่ 1-4 ผู้แทนกรมการปกครองในฐานะคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ กรณีประเมินเรียกเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จากการขายหุ้น บ.ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จำนวน 17,000 ล้านบาท โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

โดยคำพิพากษาระบุว่า การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2-4 ในฐานะคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ที่วินิจฉัยยืนตามการประเมินไม่ชอบด้วยกฎหมาย พิพากษาให้เพิกถอนการประเมิน

ล่าสุด ภายหลังจากครบกำหนดระยะเวลาในการยื่นอุทธรณ์เมื่อวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา (อ่านคำพิพากษา 18 ก.ค.ซึ่งกฎหมายให้ยื่นอุทธรณ์ภายใน 1 เดือน) จากการตรวจสอบทราบว่าก่อนครบกำหนดคู่ความทั้งสองได้ยื่นขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์คำพิพากษา

โดยศาลอนุญาตขยายอุทธรณ์ฝ่ายนายทักษิณ โจทก์ ถึงวันที่ 16 ก.ย. 2565 ส่วนฝ่ายอัยการซึ่งว่าความเเก้ต่างให้กรมสรรพากร ศาลอนุญาตขยายอุทธรณ์ถึงวันที่ 17 ก.ย. 2565 ซึ่งคาดว่าเมื่อถึงกำหนดดังกล่าวคู่ความน่าจะขอขยายอุทธรณ์อีกเนื่องจากเป็นคดีใหญ่มีเอกสารเป็นจำนวนมาก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้หลังจากที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้พิพากษาคดีที่อัยการสูงสุด ยื่นฟ้อง นายทักษิณ คดีร่ำรวยผิดปกติ ขอให้ริบทรัพย์สิน 76,000,000,000 บาท พร้อมดอกผลที่ได้มาจากการขายหุ้น บมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น ตกเป็นของแผ่นดิน

องค์คณะฯ พิจารณาแล้วพิพากษาว่า นายทักษิณ ใช้อำนาจขณะดำรงตำแหน่งนายกฯ ออกนโยบายเอื้อประโยชน์ บมจ.ชินคอร์ป ที่ครอบครัวถือหุ้นทำให้มีทรัพย์สินร่ำรวยผิดปกติ จึงให้ยึดทรัพย์สินในชื่อ นายทักษิณและครอบครัว ที่ได้จากการขายหุ้น บมจ.ชินคอร์ป จำนวน 46,000,000,000 บาทเศษ พร้อมดอกผล ตกเป็นของแผ่นดิน

ต่อมากรมสรรพากรได้ประเมินเรียกเก็บภาษีการโอนหุ้นชินคอร์ป จาก นายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร ทำนองว่า เป็นตัวแทนเชิดของนายทักษิณ จึงต้องเก็บภาษีจากคนทั้งสอง นำมาสู่การฟ้องร้องคดีนี้ ซึ่งศาลภาษีอากรกลางพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า การเรียกเก็บภาษีจากนายพานทองแท้ และ นางสาวพินทองทา เป็นการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะการประเมินต้องออกหมายเรียกไปยังนายทักษิณซึ่งเป็นผู้ถูกประเมินโดยตรง ในฐานะตัวการ ตามมาตรา 19 แห่งประมวลรัษฎากร จึงพิพากษาให้เพิกถอนการประเมินภาษีที่เรียกเก็บจากนายพานทองแท้และนางสาวพินทองทา