นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ประธานมูลนิธิมัลลิกาเพื่อประชาชนชี้แจงกรณีนายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทยให้สัมภาษณ์พาดพิงถึงกรณีเสนอใหยกเลิกการนำเข้าข้าวสาลีว่า อยากถามว่าการลักลอบนำเข้าข้าวโพดที่นายพรศิลป์กล่าวอ้างนั้นเหตุใดถึงไม่แจ้งเบาะแสให้กับกระทรวงหรือเจ้าหน้าที่รัฐ เป็นหน้าที่ของรัฐกับกลุ่มพ่อค้าหรือไม่ที่จะต้องร่วมมือกัน นายพรศิลป์เป็นพ่อค้ามีข้อมูลขนาดนี้ยังปล่อยให้เกิดการลักลอบได้ทุกปีเช่นนั้นเป็นเพราะอะไร
ผู้ลักลอบนำเข้าเหล่านั้นนำมาขายให้กับใคร ใครเป็นผู้รับซื้อแล้วได้ประโยชน์ ขบวนการนี้ถ้ามีจริงมันเกี่ยวข้องกันหรือไม่เป็นกลุ่มก้อนเดียวกันหรือไม่
ประเทศนี้ทั้งรัฐบาล ตำรวจ และพ่อค้า ศุลกากรจะปล่อยให้มีการลักลอบนำเข้าข้าวโพดด้วยและปล่อยให้เกิดการนำเข้าข้าวสาลีเพื่อมาใช้ทดแทนข้าวโพดควบคู่กันไปด้วยทิ้งประชาชน ทิ้งเกษตรกรให้เผชิญโชคชะตาทุกปีเช่นนั้นหรือ หรือแท้จริงแล้วไม่มีการลักลอบนำเข้าจริงแต่มีการนำเข้าจริงแต่ไม่ใช่สัดส่วนที่รัฐควบคุมหรือไม่ แท้จริงแล้วทั้งกระบวนการลักลอบนำเข้าและกระบวนการนำเข้าข้าวสาลีมันมีอะไรลับลมคมในกันอยู่หรือไม่ หรือแท้จริงแล้วอะไรทำให้พวกประเทศเพื่อนบ้านแถวนี้ลักลอบปลูกลักลอบนำเข้า หรือใครไปส่งเสริมปลูก และเป็นผลประโยชน์ของบริษัทใด
ดังนั้นเพื่อตัดปัญหาจึงเสนอควรใช้นโยบาย
1)ยกเลิกการนำเข้าทั้งหมดและส่งเสริมการปลูกที่ถูกต้องของเกษตรกรในพืชที่สมาคมต้องการนี้ไม่ว่าจะปริมาณเท่าไร
2)สกัดกั้นการลักลอบนำเข้าข้าวโพดจากทุกด่านชายแดน ซึ่งข้อมูลก็ไปหาจากนายพรศิลป์
วันนี้เกษตรกรเสียงไม่ดัง เมื่อเขาสะท้อนทุกข์ ปัญหามาเราผู้มีปัญญาก็เป็นกระบอกเสียงให้ส่วนผู้ใดมีอำนาจก็นำวิธีการเข้ามาแก้ไข ทางด้านพ่อค้านายทุนก็ควรจะผ่อนปรนกำไรความรวยของตนบ้างหากต้องเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขที่คนส่วนใหญ่ที่ร่วมชาติเขาอยู่รอด
สถานการณ์ขณะนี้ต้องเลือกตัดสินใจ
1. ราคาพืชเกษตรตกต่ำ
2. รากหญ้าขาดกำลังซื้อเพราะรายได้ไม่ดี
3. ราคาพืชเกษตรตกต่ำเพราะนโยบายนำเข้าของรัฐมนตรี และทีมเศรษฐกิจที่มองข้ามความลำบากยากจนของเกษตรกร
4.รัฐบาลจะเลือกช่วยพ่อค้ารวยหรือให้เกษตรกรมีรายได้ที่พอ
Cr:สำนักข่าวอิศรา